แวะอ่านตอนที่ 1 ที่นี่จ้า >> เที่ยวเวียดนาม ตอนที่ 1 วางแผนเที่ยว
เช้าวันที่ 4 กันยายน 2556 เวลา 05.00 น. นัดหมายกันโดยพร้อมเพรียงที่สนามบินดอนเมือง ทำการเช็คอินเรียบร้อย 06.45 น.ได้เวลาล้อหมุนสู่ฮานอย
ใช้เวลาเดินทางไปประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่งก็ถึงเวียดนามแล้ว ยังไม่ทันได้หลับเลย ^_^ สภาพอากาศวันนี้ ชุ่มฉ่ำไปด้วยสายฝน
สายการบินเจ้าของบ้าน Vietnam Airlines
ถึงสนามบินนอยไบ เวลาประมาณ 08.25 น. ต่อแถวผ่านกระบวนการ ตม. คนไม่เยอะนะ แต่ก็ค่อนข้างช้าพอสมควร อาจจะเพราะกระบวนการเค้าเยอะรึเปล่า เราก็ไม่แน่ใจ หลังจากผ่าน ตม. เรียบร้อยแล้ว มารอรับกระเป๋าที่สายพาน ยืนรอ นั่งรอ แอโรบิครอ กระเป๋าก็ยังไม่มาสักที นานมว๊ากกก กว่ากระเป๋าจะมาครบจับเวลาแล้วใช้เวลารอประมาณ 40 นาที แน่ะ!!
รับกระเป๋าเรียบร้อย เรามาหาที่แลกเงินกันที่ สนามบินนอยไบ โดยเราเอาเงินบาทแลก USD มาตั้งแต่ที่เมืองไทย พอถึงเวียดนาม เราก็เอาเงิน USD มาแลกเป็น VND เพื่อให้ได้เรทที่ดีกว่าการนำเงินบาทมาแลก VND โดยตรง แลกเงิน 100 USD ได้เงินมาประมาณ 2 ล้านกว่าๆ VND แบงค์เป็นฟ่อนตุงกระเป๋าเลย ไม่เคยรู้สึกรวยมากมายขนาดนี้มาก่อน ปกติกระเป๋าจะตุงไปด้วยบัตรและเหรียญ ไม่ค่อยจะมีแบงค์สักเท่าไร 555
แลกเงินเสร็จแล้วเรามาหาซื้อซิมการ์ด เวียดนาม เพื่อเอาไว้ใช้โทรติดต่อกัน และเอาไว้ใช้อินเทอร์เน็ตด้วย โดยเราเข้าไปสอบถามที่บู๊ธขายซิมโดยตรงได้เลย ว่ามีแพคเกจอะไรที่เหมาะสมและน่าสนใจบ้าง สำหรับแพคเกจที่เหมาะสมกับพวกเรามากที่สุด เป็นแพคเกจของ Viettel 3G Unlimited ใช้งานได้ 7 วัน โทรออกได้ทั้งในประเทศและโทรกลับไทยได้ (เรื่องการโทรมีจำกัดเวลาด้วยแต่เราจำรายละเอียดไม่ได้) เล่นเน็ตได้ไม่จำกัดภายใน 7 วัน ราคา 350,000 VND
เสร็จสรรพจากภารกิจแลกเงิน ซื้อซิมการ์ดแล้ว เราเห็นมีบู๊ธ Tourism Information คิดว่าน่าจะมีพวกแผนที่แจกฟรี หรือมีข้อมูลอะไรที่น่าสนใจ จึงได้แวะเข้าไปสอบถามว่า มี Map Hanoi ไหม ทาง จนท. ก็หยิบแผนที่ออกมาพร้อมกับถามเราว่ามีที่พักหรือยัง พักที่ไหน เราก็บอกไปว่าเรามีที่พักแล้ว พักที่นี่ และบอกไปด้วยว่าเราจะไปรถเมล์ ทาง จนท. บอกว่า รถเมล์เดินไกล ทางเรามีบริการรถตู้ไปส่งที่พัก ราคา 35 USD ได้ยินราคาแล้วแอบตกตะลึงในใจ แต่ไม่แสดงออก แล้วมองไปรอบๆ บู๊ธ สรุปว่าไม่ใช่บู๊ธบริการข้อมูลฟรีสำหรับนักท่องเที่ยว แต่เป็นบู๊ธขายทัวร์ขายโรงแรมนี่เอง ……. จากนั้นพวกเราจึงปิดท้ายด้วย Thank You (3 Times) แล้วรีบถอยออกมาในทันใด 555
ได้เวลาเดินทางเข้าสู่ตัวเมืองฮานอยแล้ว พวกเราเดินหาป้ายรถเมล์สาย 17 เพื่อเข้าตัวเมืองฮานอย จากที่อ่านรีวิวเก่าๆ มาเคยบอกไว้ว่า รถเมล์จะจอดอยู่ฝั่่งตรงข้ามสนามบินโดยให้สังเกตไปที่หอบังคับการบินจะเห็นรถเมล์จอดอยู่
เราและเดอะแก๊งค์ทำตามรีวิวทุกอย่าง มองออกไปที่หอบังคับการบิน ฝั่งตรงข้ามสนามบิน มองออกไปไม่มีรถคันไหนจอดอยู่เลย และดูจากสภาพถนนแล้ว ไม่มีป้ายรถเมล์ด้วย แต่พวกเราก็ยังไม่ท้อ เดินลงสะพานเดินรถหน้าสนามบินลงไปดูเพื่อความแน่ใจ ฝนก็ตก แถมยังไม่มีใครเดินด้วย แต่มีคนไทยสี่คน เดินสวนทางรถลงไป คนเวียดนามหน้าสนามบิน งงกันเป็นแถบ…..อย่าว่าแต่คนเวียดนามงงเลย เราก็งงตัวเอง เดินมาทำไมฟระเนี่ย 555
เดินมาได้นิดหน่อย เห็นท่าทางไม่ดี เพราะไม่มีใครเดินมาเลย ไม่น่าจะใช่ทางเดินแล้วล่ะ พวกเราจึงเดินกลับไปทางเดิม ผ่านคนเวียดนามกลุ่มเดิมแบบเขินๆ เอาไงดีล่ะทีนี้ ขึ้นรถเมล์ตรงไหนดี รีวิวที่อ่านก็ผ่านมานานแล้ว ตอนนี้คงมีการเปลี่ยนแปลงจุดขึ้นรถเมล์ไปบ้าง พวกเราจึงตัดสินใจลงไปดูที่ชั้นล่างของสนามบินบ้างดีกว่า
ลงมาที่ชั้น 1 พวกเราก็เจอป้ายบอกทางไปท่ารถเมล์ ดีใจจังเลย หลงไปเดินบนสะพานอยู่ตั้งพักนึง ตลกตัวเองจริงๆ
สรุป วิธีเดินทางเข้าฮานอยด้วยรถเมล์ สาย 17 มีดังนี้
- เดินลงมาที่ชั้น 1 ของสนามบิน
- เมื่อเดินออกประตูทางออกของสนามบินแล้ว ให้เดินเลี้ยวขวา ตรงไปเรื่อยๆ ท่ารถเมล์จะอยู่สุดทางเลย
- ระหว่างทางอาจมีโชเฟอร์รถชนิดอื่นๆ มาทักทาย บอกว่าจะไปส่งเรา ให้เราทำยิ้มแย้ม และบอกว่า ไม่เป็นไรจ้า ขอบคุณ ฉันกำลังรอเพื่อนมารับจ้าาา ^_^
- เดินหารถ เบอร์ 17 ที่เขียนป้ายหน้ารถว่า Long Bien – Noi Bai เป็นอันว่าถูกคัน ถามคนขับสักนิดนึงว่าออกไหม ถ้าออกก็ขึ้นไปนั่งรอได้เลยจ้า
บรรยากาศภายในรถเมล์ เป็นรถปรับอากาศ
สักพัก พนักงานเดินมาเก็บเงิน ค่าโดยสารคนละ 7,000 VND ถ้วน ไม่มีชาร์ตค่ากระเป๋าแต่อย่างใดจ้า
นั่งรถมานานประมาณ 1 ชั่วโมงได้ ก็ถึงตัวเมืองฮานอย รถเมล์แล่นมาสุดสายที่ Long Bien ดูจากสถานที่แล้วเหมือนเป็นจุดต่อรถจุดใหญ่ของฮานอย รถประจำทางแล่นมาสุดสายที่นี่
ก่อนหน้านี้อ่านรีวิวมา บอกว่าให้ลงก่อนถึงสุดสาย ประมาณสะพานเหล็กที่ 2 จะทำให้เดินเข้าที่พักของเราใกล้ขึ้น แต่พอเอาเข้าจริง เราเตรียมลง กดออดซะอย่างดิบดี รถเมล์ไม่จอดให้ลง คงเพราะอีกนิดนึงก็จะสุดสายแล้วมั้ง เราเลยต้องลงที่ Long Bien สุดสายนี้แทน
ลงรถเมล์มาตั้งหลัก ตั้งสติ กันนิดหน่อย เปิด Google Map จับทิศทาง ว่าควรไปทางไหนดี ระว่างการหาทิศทางนี้ก็จะมีพี่ๆ โชเฟอร์รถสาธารณะต่างๆ มาถามไถ่ ถ้าเรายังไม่โอเคก็ยิ้ม และบอกเค้าไปก่อนก็ได้ว่า ไม่เป็นไร ขอบคุณค่า พวกพี่เค้าก็จะจากเราไปเองจ้า
พอจับทิศทางได้แล้ว พวกเราตัดสินใจเดินไปที่พัก ระยะทางประมาณ 1 km ไกลหน่อยแต่ก็ถือว่า ชมเมืองไปด้วยในตัว แต่ถ้าใครไม่อยากเดินยังพอมีทางเลือกอื่นๆ อีก เช่น โบกแท็กซี่ หรือนั่งรถเมล์สาย 36 ไปลงที่ทะเลสาบฮหว่านเกี๊ยม ก็ได้ แต่ตอนนั้นเรายังไม่รู้ว่ามีรถเมล์สาย 36 มาลงที่ทะเลสาบได้ เพิ่งมารู้จากเพื่อนที่เพิ่งไปเที่ยวเวียดนามมาไม่กี่วันนี้เอง อิอิ
ระหว่างทางเดินผ่านย่าน Old Quarter ย่านที่มีตึกรามบ้านช่อง ที่ยังคงสถาปัตยกรรมเก่าแก่ เก๋ไก๋ เอาไว้ให้ชม
เดินมาอย่างเปียกฝนและเหน็ดเหนื่อย และแล้วก็มาถึงโรงแรม เห็นป้ายแล้ว ดีใจมาก
เราพักที่โรงแรม Meracus Hotel ตั้งอยู่บนถนน Hang Dau บริเวณเหนือทะเลสาบฮหว่านเกี๊ยม ดูรีวิวที่พักเพิ่มเติมที่นี่จ้า >> รีวิวที่พักเวียดนาม Meracus Hotel
ฝั่งตรงข้าม และบริเวณรอบๆที่พักของเรา มากมายไปด้วยร้านขายรองเท้า
โรงแรมตกแต่งอลังการมาก
นั่งดื่ม Welcome Drink รอเช็คอิน
หลังจากเช็คอิน เก็บของ ล้างหน้าล้างตาเรียบร้อยแล้ว เรามาเริ่มเที่ยวฮานอย ที่แรกที่ ทะเลสาบฮหว่านเกี๊ยม เนื่องจากที่พักอยู่ใกล้ๆ ทะเลสาบ เดินออกมาข้ามถนน เดินต่อไปอีกสองนาทีก็ถึง ทะเลสาบฮหว่านเกี๊ยม แล้ว
ทะเลสาบฮหว่านเกี๊ยม หรือ ทะเลสาบคืนดาบ เป็นทะเลสาบน้ำจืดและสวนสาธารณะขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ใจกลางเมืองฮานอย เหตุที่ได้ชื่อว่า ทะเลสาบคืนดาบ เนื่องจากมีตำนานเล่าว่า จักรพรรดิเล เหล่ย ได้ใช้ดาบศักดิ์สิทธิ์ในการขับไล่ชาวจีนที่มารุกรานให้ออกไปจากเวียดนาม ขณะที่องค์จักรพรรดิกำลังประทับบนเรือ ณ ทะเลสาบแห่งนี้ ก็มีตะพาบยักษ์โผล่ขึ้นมาจากผิวน้ำและบอกให้องค์จักรพรรดิส่งดาบศักดิ์สิทธิ์นั้น คืนให้แก่จ้าวมังกร ดาบนั้นก็พุ่งออกจากฝักดาบเข้าไปในปากของตะพาบ ก่อนที่จะหายกลับลงไปสู่ใต้ผิวน้ำ จึงเป็นที่มาของชื่อ ทะเลสาบคืนดาบ นั่นเอง
เดินข้ามสะพานไม้สีแดง ที่มีชื่อเรียกว่า สะพานเทฮุก หรือสะพานแสงอาทิตย์ ไปชมวัดหง็อกเซิน (Ngoc Son Temple) หรือ วัดเนินหยก โดยซื้อบัตรเข้าชมได้ที่เชิงสะพานเทฮุก ก่อนเดินข้ามไป ค่าเข้าชมคนละ 20,000 VND
วัดหง็อกเซิน หรือวัดเนินหยก เป็นวัดตั้งอยู่บนเกาะเล็กๆ กลางทะเลสาบฮว่านเกี๊ยม
นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นิยมมาสักการะ อนุสาวรีย์ ตรันคว็อกตวน แม่ทัพเอก ในการต่อสู้และขับไล่กองทัพมองโกล เปรียบเสมือนกับเป็น ซุนวูแห่งเวียดนาม
ธูปที่ใช้จุดบูชา เป็นแบบขดวงกลม และมีส้มโอมือวางไว้เป็นของสักการะด้วย เราเพิ่งเคยเห็น อิอิ
ที่วัดหง็อกเซิน มีตัวสตั๊ฟของตะพาบยักษ์แยงซีเกียง ซึ่งเป็นตะพาบขนาดใหญ่ที่ใกล้สูญพันธุ์ และเคยอาศัยอยู่ในทะเลสาบฮหว่านเกี๊ยมแห่งนี้
มาเดินชมบรรยากาศรอบๆ วัดหง็อกเซิน หรือวัดเนินหยก กันบ้าง
วัดนี้ค่อนข้างเล็ก เดินไม่กี่นาทีก็ครบรอบแล้ว
มองออกไปทางตอนเหนือของทะเลสาบฮหว่านเกี๊ยม จะเห็นหอคอยเล็กๆ อยู่กลางทะเลสาบ มีชื่อว่า ท้าปสั่ว (Tháp Rùa) หรือเรียกว่า หอคอยเต่า หรือหอคอยตะพาบก็ได้
เที่ยว ทะเลสาบฮหว่านเกี๊ยม และ วัดหง็อกเซิน เสร็จแล้ว พวกเราเดินออกมาโบกแท็กซี่เพื่อไปทานอาหารกลางวันกันที่ร้าน Quan an ngon โดยเรารอโบกแท็กซี่ยี่ห้อตามที่โรงแรมแนะนำว่าไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องโกง โดยยี่ห้อที่เราขึ้นบ่อยๆ คือ Mai Linh ส่วนใหญ่จะมีสีเขียวทั้งคัน ไม่ก็รถสีขาว ป้ายสีเขียวๆ ประมาณนี้
พอแท็กซี่ยี่ห้อในดวงใจผ่านมา เราโบกและบอกว่า “ควอน อัน งอง” แท็กซี่ได้ยินก็ไม่เข้าใจ สงสัยสำเนียงไม่ได้ ไม่ก็พูดผิด เลยเอาชื่อ Quan An Ngon ให้ดู พร้อมกับชี้ไปที่ชื่อถนนตามที่ปักไว้ ใน Google Map แท็กซี่ดูแล้วร้องว่า “งอง นำ งือ” (ถนนชื่อ Nam Ngu) จากนั้น Taxi ก็พูดว่า “แงง แงง” พร้อมกับโบกไม้โบกมือให้เราขึ้นรถกันมา (จนทุกวันนี้พวกเราก็ยังไม่รู้ความหมายของคำว่า “แงง แงง” ถามคนเวียดนามเองยังงง 555)
นั่งแท็กซี่มาประเดี๋ยวเดียว ก็ถึงร้าน Quan An Ngon
บรรยากาศภายในร้าน
เมนูแรก เฝอไก่ (Phở gà) น้ำซุปอร่อยดี แต่ไก่เหนียวไปนิด
ภาษาไทยเรียกว่าอะไร จำไม่ได้ แต่ภาษาอังกฤษเขียนว่า Shrimp spring rolls (Gỏi cuốn tôm thịt)
บุ๋นจ่า (Bún chả) อันนี้ก็อร่อยดีไปอีกแบบ
ส่วนนี่ บั๋น เซียว (Bánh xèo) ระหว่างพนักงานมาบริการตัด บั๋น เซียว ให้ เธอก็สอนให้อ่านชื่อ Bánh xèo พอเราอ่านตาม ยังชมอีกด้วยว่าพูดชัดมากเลย ปากหวานสุดๆ อะ พนักงานร้านนี้ 555
น้ำมะพร้าวร้านงอง ไม่อร่อยเลย ชิมไหมจ๊ะ 555
ทานมื้อกลางวันอิ่มแล้ว เช็คบิลรวมทั้งหมดมื้อนี้ราคา 575,000 VND มื้อนี้ก็ครึ่งล้านแล้วนะจ๊ะ 5555
มาต่อกันที่ จัตุรัสบาดิงห์ หรือ จัตุรัสบาดิ่ญ ( Quảng Trường Ba Đình) เป็นสถานที่ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของเวียดนาม โดยประธานาธิบดีโฮจิมินห์ ได้กล่าวคำประกาศอิสรภาพของเวียดนาม ณ ที่นี่ เมื่อวันที่ 2 กันยายน 1945
จัตุรัสบาดิ่ญ นี้ตั้งชื่อตามเหตุการณ์จลาจลบาดิ่ญ เป็นการจลาจลที่ต่อต้านจักรวรรดิฝรั่งเศส ที่จัตุรัสบาดิ่ญนี้ยังเป็นที่ตั้งของสถานที่ราชการหลายๆ แห่ง รวมถึงเป็นที่ตั้งของ อนุสรณ์สถานโฮจิมินห์ (Ho Chi Minh Mausoleum) ซึ่งได้บรรจุร่างของ โฮจิมินห์ ไว้ในโลงแก้วเพื่อให้ชนรุ่นหลังได้ระลึกถึง
จาก อนุสรณ์สถานโฮจิมินห์ เดินมาทางด้านข้าง ไปชม เจดีย์เสาเดียว หรือ จั๋วโหมดโกด (Chua Mot Cot)
เดินมาจะพบกับป้ายบอกทางไป เจดีย์เสาเดียว หรือ จั๋วโหมดโกด (Chua Mot Cot)
เจดีย์เสาเดียว หรือ จั๋วโหมดโกด (Chua Mot Cot) ตั้งอยู่ด้านหลัง อนุสรณ์สถานโฮจิมินห์ รูปร่างคล้ายศาลาเล็กๆ ตั้งอยู่บนเสาเดี่ยวๆ 1 ต้น กลางสระบัว
ภายใน เจดีย์เสาเดียว ประดิษฐานรูปเจ้าแม่กวนอิม ปาง 10 กร ตามตำนานเล่าขานกันว่า กษัตริย์ผู้ครองฮานอย ไม่มีพระราชโอรสไว้สืบราชบรรลังก์ คืนหนึ่งทรงพระสุบินว่าเจ้าแม่กวนอิมพาพระองค์มาที่ศาลาแห่งหนึ่งกลางสระบัว แล้วนำพระโอรสมามอบให้ หลังจากนั้นไม่นานนัก พระองค์ก็ได้พระราชโอรส จึงโปรดให้สร้างเจดีย์เสาเดียวนี้ขึ้น เพื่อตอบแทนประคุณของเจ้าแม่กวนอิม ชาวเวียดนามจึงมานมัสการเจ้าแม่กวนอิม ที่เจดีย์เสาเดียวนี้ เพื่อขอให้มีบุตรสืบสกุล
จาก Chua Mot Cot หรือเจดีย์เสาเดียว มาต่อกันที่ เจดีย์ตรังก๊อก (Chua Tran Quoc)
วัดจั๋วตรังก๊อก เป็นวัดในพระพุทธศาสนาที่มีเจดีย์เก่าแก่แห่งหนึ่งในประเทศเวียดนาม ตั้งอยู่ริมทะเลสาบโฮไต (Ho Tay)
บริเวณวัดไม่กว้างขวางมากนัก เป็นวัดเล็กๆ แต่ร่มรื่นไปด้วยพรรณไม้ใหญ่ และมีไม้ดัดประดับเพื่อความสวยงาม
ภายในวิหารวัดจั๋วตรังก๊อก
เจดีย์ตรังก๊อก สูงประมาณ 11 ชั้น แต่ละชั้นประดิษฐาณพระพุทธรูปสีขาวรอบเจดีย์
ออกจาก เจดีย์ตรังก๊อก มาเจอคุณพี่เวียดนามกำลังตกปลาอยู่กลางสายฝน แต่ที่น่าสนใจคือวิธีการตกปลาของเค้า เป็นแบบเหวี่ยงเบ็ดไป แล้วปลายเบ็ดที่เป็นเหล็กแหลมไปเจาะที่ตัวปลา แล้วลากปลาเข้ามา……ปกติเราเคยเจอแต่ เบ็ดที่เป็นตะขอ เกี่ยวเหยื่อที่ตะขอ เหวี่ยงไปแล้วรอ
ลากปลามาแล้ว แม่นจริงๆ
ออกจากเจดีย์ตรังก๊อกมารอแท็กซี่ที่หน้าวัด เพื่อกลับไปเก็บของที่โรงแรม รอนานมาก ไม่ค่อยมีแท็กซี่ผ่านมาเลย กว่าจะได้แท็กซี่และเดินทางมาถึงโรงแรมฟ้าก็เริ่มมืด พอถึงโรงแรมเก็บของเสร็จแล้ว เรามาต่อกันที่ โรงละครหุ่นกระบอกน้ำ Thang Long Water Puppet Theater
ซื้อตั๋วเข้าชมที่หน้าโรงละคร ทันรอบแสดงรอบต่อไปพอดี ได้ตั๋วเข้าชมมาพร้อมแผ่นพับอธิบายการแสดงเป็นภาษาอังกฤษ ราคาตั๋วเข้าชม คนละ 100,000 VND ได้ที่นั่งหน้าสุดเลย
แนะนำนักดนตรี ก่อนการแสดง
บริเวณด้านข้างเวที จะมีจออธิบายการแสดงเป็นภาษาอังกฤษ
การแสดงหุ่นกระบอกน้ำ เป็นการแสดงหุ่นกระบอกของประเทศเวียดนาม โดยผู้เชิดหุ่นจะอยู่หลังมู่ลี่ไม้ไผ่ และอยู่ในระดับน้ำที่สูงถึงเอว ตัวหุ่นอยู่ที่ปลายไม้ ยื่นออกมานอกฉาก
การเชิดหุ่นจะไม่ให้เห็นไม้โผล่ออกมาเลย จึงทำให้ดูเหมือนตัวหุ่นเคลื่อนไหวเอง ลีลาดูเป็นอิสระมากขึ้น
ผู้เชิดหุ่นออกมาแสดง เพลงสุดท้าย โดยทำการแปรอักษรเป็นรูปคล้ายตัวเอส ซึ่งหมายถึงรูปร่างของประเทศเวียดนามนั่นเอง
เปิดไฟสว่าง โชว์โฉมหน้าผู้อยู่หลังม่านการแสดง
ผู้เชิดหุ่นทุกท่าน ออกมาให้ผู้ชมยลโฉม
ปิดท้ายด้วยการกล่าวขอบคุณจากพิธีกร และนักดนตรีทุกท่าน
ชมหุ่นกระบอกน้ำเสร็จแล้ว มาหาข้าวเย็นทานกันที่ร้าน Little Hanoi ร้านแนะนำจากโลกเหงา Lonely Planet
ระหว่างทางเดินไปร้าน มีสเต็ปหลอกด้วย มีป้ายติดชื่อร้าน Little Hanoi เหมือนกัน แต่เป้าหมายของเรายังไม่ใช่ร้านนี้
ถึงแล้ว…..ร้าน Little Hanoi คนมารอคิวทานอาหารเยอะมาก ภายในร้านค่อนข้างแน่นและแออัด พวกเราก็ยืนรอคิวกันอยู่ประมาณไม่เกิน 10 นาที ก็ได้โต๊ะ
ได้โต๊ะแล้ว…..บรรยากาศภายในร้าน ตกแต่งไปด้วยเฟอร์นิเจอร์เก่า กิ๊บเก๋ ได้บรรยากาศเวียดนามดีเหมือนกันนะ
ผัดผักรวมเต้าหุ้
ผัดผักกับไก่
ผัดผักรวมกุ้ง
หมูทอดกระเทียม
ปลาหมึกทอดคลุกงา เมนูนี้อร่อยดี
ส่วนใหญ่กับข้าวที่ Little Hanoi จะเป็นพวกผัดผัก บวกข้าว สังเกตจากเมนูที่เราสั่งกันมา จะมีแต่ผัดผัก ผัดผัก และก็ผัดผัก สไตล์อาหารออกแนวอาหารจีน ผัดๆ มันๆ หน่อย รสชาติสำหรับเราก็ดีนะ แต่ก็ไม่ถึงกับอร่อยมากมายสักเท่าไร คงเพราะหากินที่ไทยได้ เลยรู้สึกชินๆ ล่ะมั้ง
กินเสร็จแล้ว ก็รีบเดินกลับโรงแรมทันที ไม่แวะที่ไหน วันนี้ฝนตกทั้งวัน เฉอะแฉะมากมาย วันนี้ก็จัดหนักกับการเที่ยวฮานอยพร้อมตากฝนมาทั้งวัน วันพรุ่งนี้เราจะไปเที่ยวฮาลองเบย์ (Halong Bay) กัน สำหรับวันนี้บ๊ายบายไปก่อนจ้า……
ดูบันทึกการท่องเที่ยวเวียดนามย้อนหลัง ที่นี่
เที่ยวเวียดนาม ตอนที่ 1 วางแผนเที่ยว
เที่ยวเวียดนาม ตอนที่2 เที่ยวฮานอย
เที่ยวเวียดนาม ตอนที่3 ฮาลองเบย์ ถ้ำเทียนกุง หมู่บ้านชาวประมง Vung Vieng Fishing Village
เที่ยวเวียดนาม ตอนที่4 ฮาลองบก (นิงห์บิงห์) ฮวาลือ ตามก๊อก Hoa Lu Tam Coc
เที่ยวเวียดนาม ตอนที่6 พระราชวังฤดูร้อนจักรพรรดิเบ๋าได๋ วัดตั๊กลัม ทะเลสาบ Tuyen Lam น้ำตกดาตันลา
เที่ยวเวียดนาม ตอนที่7 เที่ยวมุยเน่ แฟรี่สตรีม หมู่บ้านชาวประมง ทะเลทรายขาว ทะเลทรายแดง
เที่ยวเวียดนาม ตอนที่8 เที่ยวโฮจิมินห์
เที่ยวเวียดนามเหนือ เวียดนามใต้ by DeeryArch.me