แวะอ่านตอนที่ 6 ที่นี่จ้า >> เที่ยวเวียดนาม ตอนที่6 พระราชวังฤดูร้อนจักรพรรดิเบ๋าได๋ วัดตั๊กลัม ทะเลสาบ Tuyen Lam น้ำตกดาตันลา
เช้าวันที่ 9 กันยายน 2556 ตื่น 7 โมง ออกมาชมบรรยากาศทะเลมุยเน่ในยามเช้า
เช้านี้ฟ้าสดใส ทะเลมุยเน่ยามเช้า ยังคงเงียบเหงา นักท่องเที่ยวตามรีสอร์ทต่างๆ ยังไม่ค่อยตื่นออกมาเดินเล่นกันเท่าไร
ที่ทะเลด้านหลังรีสอร์ท เห็นเรือประมงของชาวเลเวียดนามเพียงไม่กี่ลำ
นอกจากเรือของชาวประมงในทะเลแล้ว ที่ชายหาดก็เห็นจะมีแต่สาวเวียดนามคนนี้ มาทำความสะอาดหาดทรายของรีสอร์ทตั้งแต่เช้า
วิธีทำความสะอาดของเค้าก็คือ กวาดขยะต่างๆ มารวมกันเป็นกลุ่มๆ จากนั้นค่อยๆ ฝังลงไปในทราย แล้วนำคราดมาเกลี่ยให้ทรายดูเป็นระเบียบเรียบร้อย ระหว่างที่เรายืนสังเกตการณ์ เราคิดในใจว่าทำไมเค้าไม่เก็บขึ้นมาทิ้งลงถังขยะซะก็หมดเรื่อง ไม่ต้องเกลี่ยๆ ทรายด้วย
สังเกตการณ์เรื่องกวาดขยะพอเป็นพิธีแล้ว เรามาเดินชมชายหาดด้วยสองเท้าของเราดูบ้าง
วิธีเพิ่มความสูงโดยไม่ต้องพึ่งยา 555 ดูขายาว เรียว สวย หลอกตัวเองแต่เช้าเลย ^_^
หากมองข้าม ขยะเขยอะ มันไปบ้าง ทะเลมุยเน่ก็มีมุมสวยๆ อยู่เหมือนกันนะ
ชมชายหาดมุยเน่ยามเช้าเสร็จแล้ว เดินกลับขึ้นมาดูบรรยากาศของรีสอร์ทในตอนกลางวันกันบ้าง…..สะว่ายน้ำยังคงเงียบ เรียบสนิท เพราะยังเช้าอยู่….ชมบรรยากาศจนเวลาล่วงเลยมาเกือบชั่วโมงแล้ว ไปทานอาหารเช้ากันดีกว่า
ในส่วนของที่พักและอาหารเช้าของ Mui Ne Resort เราเคยเขียนรีวิวแยกไว้ ใครสนใจเชิญอ่านทางนี้จ้า >> รีวิวที่พักเวียดนาม ที่พักมุยเน่ Mui Ne Resort The Sinh Tourist
ทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว ชวนเดอะแกงค์ที่เหลือออกมาเดินชมชายหาดยามเช้ากัน…..แต่ทว่าเวลานี้ ขยะที่ได้ฝังไว้ก็ผุดขึ้นมาอีกด้วยอิทธิพลน้ำขึ้นน้ำลง และแรงคลื่นของทะเล ตอนนี้ชายหาดมีแต่ขยะเหยียดยาวไปตามแนวคลื่น
ทะเลไม่สวยแล้ว กลับขึ้นมานอนเหยียดยาว ชิลๆ ข้างสระน้ำของรีสอร์ทดีกว่า
หลังจากเดินเที่ยวเล่น อยู่ในรีสอร์ทได้ประเดี๋ยวนึง พวกเราก็กลับเข้าที่พัก ไปนอนเล่น รอเวลาเช็คเอาท์ตอนเที่ยงกัน
หลังจากเช็คเอาท์ แล้วก็ได้เวลาอาหารกลางวัน พวกเราก็ฝากท้องมื้อกลางวันกันที่ Mui Ne Resort นี่แหละ
หน้าตากับข้าวมื้อกลางวันของเรา เราสั่งเป็นเซตข้าว และปลา
ผัดผัก อาหารยอดฮิตของชาวเวียดนาม กินกันทุกครัวเรือนตั้งแต่เหนือจดใต้
นอกจากเมนูผัดผักแล้ว เมนูอื่นๆ ก็มีนะ อันนี้เนื้อผัดซอส
อาหารฝรั่งก็มี….โดยรวมแล้ว รสชาติเป็นที่พึ่งพายามหิวได้
กินข้าวกลางวันเสร็จ นั่งเมาท์มอยหอยกาบ กันจนถึงเวลาบ่ายสอง ก็ได้เวลาออกเที่ยวมุยเน่กันแบบเต็มเหนี่ยวกันแล้ว โดยพวกเราจองทัวร์แบบ Private กันไว้ตั้งแต่เมื่อวาน
แต่ไม่รู้ว่า Private อีท่าไหนของทัวร์เค้าก็ไม่รู้ ก่อนออกรถ พนักงานขายทัวร์เดินมาบอกว่าจะให้พี่ฝรั่งสองคนนี้ไปด้วย โดยจะคืนเงินให้เรา 10 USD พวกเราไม่ได้อะไรกับพี่ฝรั่งสองคนนี้หรอก เห็นแล้วก็สงสาร จะไม่ให้ไปเที่ยวด้วยก็จะดูไร้มนุษยธรรมเกินไป พวกเราก็โอเคไม่มีปัญหาอะไร แต่ก็เรียกขอคืนเงิน 10 USD ณ บัดนั้นทันที
ออกเดินทางกันเลย…..Let’s go
ที่แรกมาแวะกันที่ แฟรี่สตรีม (Fairy Stream) หรือเรียกเป็นภาษาเวียดนามว่า ซุ่ยเทียน (Suoi Tien) โดยก่อนเดินเข้าไป ไกด์ได้แจ้งกับพวกเราว่า เมื่อเข้าไปเที่ยวจะมีคนมาขอเป็นไกด์ให้ หากไม่ต้องการให้บอกปฏิเสธ หรือทำท่าทางไม่ต้องสนใจไป
ก่อนลงเดินชมลำธารแฟรี่สตรีม จะมีที่ให้ฝากรองเท้า ในราคาคู่ละ 5,000 VND แต่ในความเห็นของเรา ถ้าไม่เหนือบ่ากว่าแรงอะไรก็เดินถือไปเองจะดีกว่า
เข้าสู่เส้นทางลำธารแฟรี่สตรีม
แฟรี่สตรีม (Fairy Stream) เป็นลำธารสายเล็กๆ เกิดจากภูเขาหินทรายขนาดใหญ่ ถูกกัดเซาะมานานวัน จนเป็นร่องกว้างกว่า 20 เมตร มีชั้นหิน ชั้นทรายสีสันสวยงาม
ระหว่างที่พวกเราเดินไปเรื่อยๆ โดยไม่ได้คุยอะไรกับใคร จู่ๆก็มีน้องผู้ชายมาชี้บอกกับเราว่า ให้เดินฝั่งนี้ ฝั่งนั้นอันตราย เราก็ขอบคุณน้องเค้า และก็ทำตาม จากนั้นน้องเค้าก็ถามเราว่ามาจากประเทศอะไร พอเราตอบว่ามาจากไทย เสร็จแล้วน้องคนนี้ก็เดินไปบอกเดอะแกงค์เราอีกคนว่าให้เดินทางนี้ นี้ นี้
น้องเค้าก็ไม่ได้เดินตามพวกเราตลอดนะ เราจึงไม่รู้ตัวว่านี่คือการเป็นไกด์ให้แล้ว
พอเริ่มเดินเข้ามาลึกๆ จึงเริ่มรู้ตัวแล้วว่า มีไกด์เด็กเวียดนามคอยเดินติดตัวอยู่สองคน
แต่พวกเราก็ตั้งหน้าตั้งตาเดินต่อไปเรื่อยๆ
แต่ก็ไม่ได้เดินจนสุดทางอะไร เดินมาได้นิดหน่อยก็มองหาที่ชมวิวมุมสูงกัน
นี่ไงทางขึ้นไปชมวิวมุมสูง
ขึ้นมาถึงจุดชมวิวมุมสูงแล้ว โดยมีน้องไกด์เวียดนามเดินตามติดกันมาด้วย เราก็คิดในใจแล้วล่ะ ว่าคงจะให้ทิปน้องเค้าไปคนละนิดละหน่อย อย่างน้อยเค้าก็มาบริการเราในช่วงแรก ในตอนที่เรายังไม่รู้ตัว 555
ในรูปนี้คือน้องไกด์ตัวเล็ก ชื่อว่า นาม อายุ 10 ปี พูดภาษาอังกฤษในระดับสื่อสารกับพวกเราได้ ถือว่าเก่งนะ น้องคนนี้ดูเงียบๆ ไม่มีอะไร เราคุยอะไรด้วยก็ตอบ ยิ้มๆ เขินๆ
กว่าจะขึ้นมาถึงก็แอบหอบเล็กๆ อยู่เหมือนกัน แต่วิวก็สวยแปลกตาดี
ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกเรียบร้อยแล้ว ถึงเวลาต้องให้ทิปน้องๆ จากที่เรามีตัวเลขไว้ในใจว่าจะให้ทิปเท่านี้ เป็นสินน้ำใจที่บริการพวกเราในตอนแรก แต่พอพวกเราบอกตัวเลขไป น้องๆไม่พอใจ บอกว่าน้อยไป โดนเฉพาะน้องตัวโต หน้ามุ่ยมาก เราก็ยืนกรานไปว่า เราให้เท่านี้
จากที่ตอนแรกทั้งสองคนช่วยกันบิ๊วราคาทิป แต่พวกเราไม่ยอมให้แต่โดยดี จนน้องนามตัวเล็กเริ่มสงบปากสงบคำลง เหลือแต่น้องตัวใหญ่ที่ยังคงไม่พอใจ หน้ามุ่ย พร้อมกับบ่นว่า ให้เป็นทุนการศึกษาไม่ได้เหรอ พวกคุณก็รวยจะตาย อะไรทำนองนี้…..
สรุปพวกเราก็เพิ่มราคาทิปให้อีกนิดนึง และบอกว่าให้เท่านี้จริงๆ ไม่เอาก็ไม่ให้แล้ว น้องทั้งสองก็ตกลง น้องตัวใหญ่หายหน้ามุ่ยเลยทันที สักพักน้องนามก็เดินมาบอกเรา ชี้ไปที่น้องตัวใหญ่และพูดว่า “He no student. He smoke” แล้วทำท่าสูบบุหรี่ (ประมาณว่าจะฟ้องเรา ว่าเค้าไม่ได้เอาไปเรียนจริงหรอก เค้าเอาไปซื้อบุหรี่สูบ) น้องตัวใหญ่ได้ยินก็วิ่งไล่จับกับน้องนามทันที ข้อหาปากมาก 555
ออกจากแฟรี่สตรีมมาด้วยความประทับใจที่ลดลงไป 20% แต่ก็ไม่เป็นไร เรามาเที่ยวกันต่อที่ หมู่บ้านชาวประมง (Mui Ne Fishing Village) ไกด์จอดรถให้พวกเรายืนชมกัน แถวๆ ถังขยะริมถนน จอดข้างถังขยะอย่างนี้ใครจะไปทนไหว ขอลงไปสูดกลิ่นกุ้งแห้งที่ตากไว้ริมทางซะยังดีกว่า
เรือชาวประมง มีทั้งแบบทั่วไปและแบบเรือกระด้ง
กุ้งแห้งที่ตากข้างๆ ทาง
พวกเราชมวิวหมู่บ้านชาวประมงได้ประมาณ 5 นาที ไกด์ก็พาออกรถไปจุดหมายต่อไป นั่นคือ ทะเลทรายขาว (White Sand Dune)
ระหว่างทางไปทะเลทรายขาว บรรยากาศดี แดดสวย ทะเลงามกว้างไกล
ชาวบ้านนิยมนำกุ้งแห้งมาตากกันตามไหล่ทาง ต่างพากันลงแขกช่วยกันร่อนกุ้งกันอย่างขันแข็ง ส่วนวิธีเก็บกุ้งแห้งก็คือ นำไม้กวาดทางมะพร้าว มากวาดๆ ใส่บุ้งกี๋ แล้วนำไปเทเก็บในตะกร้า
มุ่งหน้าสู่ กุ้งแห้ง Road ไปเรื่อยๆ
พ้นช่วงกุ้งแห้ง Road มา เริ่มเห็นเนินทรายใหญ่ๆ ที่ด้านหน้า นั่นไง ทะเลทรายขาว (White Sand Dune)
หนทางเข้าชมทะเลทรายขาว เป็นถนนลูกรัง มีหลุมมีบ่อ วิ่งกันทีฝุ่นตลบเลย
รถจี๊ปนำเที่ยวที่เพิ่งออกมาจากทะเลทรายขาว
มาถึงแล้ว นี่ไง ทะเลทรายขาว (White Sand Dune)
มาถึงก็ต้องเช่าพาหนะในการเที่ยว ได้แก่ ATV โดย ATV คันนึงสามารถไปได้ 3 คน รวมคนขับด้วย ในตอนแรกเค้าจะให้พวกเราขับขึ้นไปเอง แต่หลังจากขึ้นไปถึงจุดสูงสุดแล้ว ที่เหลือเค้าจะเป็นคนขับพาพวกเราไปถ่ายรูปที่ต่างๆ เอง
ทะเลทรายขาว มากมายไปด้วยรอยล้อรถ ATV
จอดให้ชมกันในจุดแรก
จากนั้นคนขับก็พามาอีกจุดนึง ที่เราคิดว่าคนเงียบและค่อนข้างสวยกว่าจุดแรก
หลังจากถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกับสันทราย ของทะเลทรายขาวกันเรียบร้อย พวกเราก็ขอให้คนขับพาไปชม Lotus ซะหน่อย
สระบัวเล็กๆ ข้างๆ ทะเลทรายขาว
ตะวันเริ่มตกดินแล้ว เราต้องรีบมุ่งหน้าไปที่ต่อไปนั่นคือ ทะเลทรายแดง (Red Sand Dune) ชมดอกบัวได้แป๊บนึง ทางคนขับเริ่มถามถึงทิป ระหว่างที่พวกเรากำลังคิดตัวเลขกันอยู่ ว่าจะให้เท่าไรดี ทางคนขับพูดขึ้นมาเลยว่า ขอ 100,000 VND เราก็เลยต้องให้ไป เพราะไม่อยากขัดใจคนขับ กลัวต้องเดินกลับเอง 555
เมื่อถึงที่จอดรถจี๊ป เราต้องรอเพื่อนร่วมทางอีกสองคนที่ยังมาไม่ถึงรถ ระหว่างนั้นมีกลุ่มฝรั่งสาวๆ โวยวายลั่น และคอยบอกนักท่องเที่ยวที่มาใหม่ทุกคนว่า อย่าไปใช้บริการรถจี๊ป ทุกคนให้ความสนใจกันอย่างมาก และเริ่มถามถึงสาเหตุว่าเพราะอะไร ฝรั่งสาวบอกประมาณว่า เช่ารถจี๊ปไป แต่รถจี๊ปเกิดเสีย และไม่มีคันใหม่มาเปลี่ยนให้ ปล่อยให้เดินกลับด้วย เหตุนี้นี่เองที่ทำให้พวกเธอโกรธกันอย่างมาก แต่พวกเราไม่เจออะไรแบบนี้ ถือว่าโชคดีไป
ออกจากทะเลทรายขาว มาทางกุ้งแห้ง Road ทางเดิม เพื่อมุ่งหน้าไปเที่ยวทะเลทรายแดง
ระหว่างทาง ได้พบเคล็ดลับความอร่อยของกุ้งแห้งมุยเน่มากมาย ทั้งวิธีปรุงรสชาติโดยฝีเท้านักท่องเที่ยว ฝีเท้าวัว รถยนต์ และรถมอเตอร์ไซค์ 555
กว่าจะมาถึงทะเลทรายแดง ตะวันก็ลับขอบฟ้าไปบ้างแล้ว บรรยากาศทะเลทรายแดงจึงสลัวๆ นิดหน่อย
เดินเข้ามาทะเลทรายแดงได้แป๊บเดียวเอง ก็มีสองหนุ่มน้อยเดินมาหา พร้อมกับเสนอราคาสไลด์เดอร์ให้ พวกเราจึงทดลองต่อราคาดู เจ้าตัวแสบทั้งสองไม่ยอมลดราคาเลยจริงๆ ต่อราคาอยู่นาน ได้ลดลงมาเพียงแค่นิดหน่อย เราก็ยังว่าแพงอยู่ดี จึงขอลดอีก เจ้าตัวเล็กไม่ยอมอย่างแรง แล้วก็บอกกับเราอีกว่า “พวกคุณรวย ราคานี้แหละ” เราเลยถามกลับไปว่า “รู้ได้ไงว่าเรารวย” เจ้าตัวเล็กบอกว่า “I don’t know”…….. 555
เดินต่อราคากันมาเป็นกิโลเมตรละ เดอะแก๊งค์บางคนเริ่มถอดใจ เดินแยกออกไป เราเลยบอกกับน้องๆว่า “Final Deals ลดเท่านี้ได้ไหม” น้องๆ ก็ยังไม่ยอม จนเราเริ่มเหนื่อย ควักกล้วยตากอบน้ำผึ้งในกระเป๋าออกมา แล้วพูดเป็นภาษาไทยออกไปว่า “โอ๊ย อะไรก็ไม่ลด เอากล้วยตากไปกินเลยปะ” น้องๆ ปล่อยสไลเดอร์ออกจากมือ แล้วมาแย่งกล้วยตากกันทันที แต่เรายังชูสูงๆ ไว้ยังไม่ให้ พร้อมกับทำข้อตกลงขอแลกกัน โดยเราขอส่วนลดอีกหน่อย แล้วเดี๋ยวเราแลกด้วยกล้วยตากนี้ น้องๆ ตอบตกลงทันที (เฮือก!! รู้งี้เอากล้วยตากมาแลกตั้งนานแล้ว 555)
พอตกลงจ่ายเงินกันเรียบร้อย ถึงเวลาส่งกล้วยตากเป็นสิ่งแลกเปลี่ยน เราหยิบชิ้นแรกออกมา น้องตัวใหญ่คว้าไปก่อน น้องตัวเล็กก็ตามไปแย่ง กลัวไม่ได้ของ ล้มหกคะเมนตีลังกา จนเราต้องไปดึงฉุดขึ้นมา พร้อมด้วยเสียงหัวเราะของเราและน้องๆ ทั้งสองคน ^_^ เราบอกไปว่า ไม่ต้องแย่ง เราให้คนละอัน เป็นอันว่าสงบศึกกล้วยตาก ไปอย่างสนุกสนาน 555
กว่าจะสงบศึกกล้วยตากได้ พระอาทิตย์ก็ตกลงไปอย่างสมบูรณ์แบบ เรามาหาทำเลถ่ายรูปและเล่นสไลเดอร์กันต่อดีกว่า
หาทำเลเล่นสไลด์เดอร์ เจอกับเนินเตี้ยๆ เลยลองสไลด์ดู พบว่ามันฝืดมาก จนมีฝรั่งสามหนุ่ม เดินมาทักทายบอกกับเราว่า “อย่างนั้นเค้าไม่เรียกว่าเล่นสไลด์เดอร์หรอกนะ มาเล่นตรงนี้สิ สูงๆ สนุกกว่า” เราเดินไปดูพบว่ามันสูงจริงๆด้วย ฝรั่งก็เชียร์ให้ลองเล่น เราเลยลองสไลด์ลงไป พบว่าก็ยังฝืดอยู่ดี ส่วนฝรั่งหนุ่มๆ สามคนนั้น ก็เอาแต่พูดๆ ขำๆ จากข้างบนเนินว่าให้ทำอย่างนี้สิ เราเลยบอกไปว่า “คุณอยากลองเล่นดูไหม ฉันให้ยืม แต่เดินลงมาเอาเองนะ”
พวกเค้าพยายามครีเอทท่าลงแบบเทพๆ กันอยู่
เนื่องจากฝืดมาก เซิร์ฟไม่ลง ต้องให้เพื่อนมาช่วยดึงให้ แต่ก็ไม่สำเร็จ
จนสุดท้ายต้องลงมาด้วยท่าซุปเปอร์แมนแทน 555
สไลด์เดอร์กันจนเบื่อแล้ว มาหาวิวถ่ายรูปกันบ้างก่อนแสงจะหมดสนิท
เริ่มมืดแล้ว เป็นอันต้องบอกลาทะเลทรายแดง เอาสไลด์เดอร์ไปคืนน้องตัวเล็ก บอกลาบ๊ายบายกันก่อนกลับ
จบทริปนี้ฟ้ามืดพอดี รถมาส่งที่หน้า Mui Ne Resort ที่เดิม
กลับมาด้วยความหิวโหย หลังจากเก็บของเสร็จแล้ว เราก็มาฝากท้องมื้อเย็นกันที่ Mui Ne Resort เหมียนเดิม มื้อนี้สั่งหลากหลายเลย เพราะหิวมาก 555
หลังจากทานเสร็จแล้ว พวกเราต้องรอขึ้นรถ Sleeping Bus ไปโฮจิมินห์ตอนตีหนึ่ง ระหว่างเวลาที่เหลือนี้ ทางรีสอร์ทให้เรานั่งรอที่โต๊ะอาหารโต๊ะเดิมที่เรานั่งได้เรื่อยๆ โดยปิดไฟส่วนอื่นๆ ในร้านอาหาร เหลือแต่ส่วนที่พวกเรานั่งไว้ พวกเรานั่งกิน นั่งเล่น ชาร์ตแบตโน่นนี่นั่น กันจนถึงห้าทุ่ม ก็เริ่มทยอยไปอาบน้ำกันทีละคน
ห้องอาบน้ำอยู่ในห้องน้ำของร้านอาหาร ใช้บริการได้ฟรี ไม่คิดตังค์เพิ่มจ้า
นั่งเล่น นั่งพัก รอเวลารถมา
เวลาตีหนึ่ง Sleeping Bus มาจอดรับที่หน้ารีสอร์ท โดยก่อนขึ้นรถ ต้องถอดรองเท้าใส่ถุงพลาสติก แล้วถือเอาไปเก็บไว้ตรงที่นอนของเราด้วย ที่นอนของเราจะมีเข็มขัดนิรภัย มีหมอน ผ้าห่มให้พร้อม โดยรวมถือว่านอนสบายดีนะ
จบทริปเที่ยวมุยเน่ไปอย่างแฮปปี้ พรุ่งนี้เจอกันใหม่ที่โฮจิมินห์ สำหรับวันนี้บ๊ายบายไปก่อนจ้า
ดูบันทึกการท่องเที่ยวเวียดนามย้อนหลัง ที่นี่
เที่ยวเวียดนาม ตอนที่ 1 วางแผนเที่ยว
เที่ยวเวียดนาม ตอนที่2 เที่ยวฮานอย
เที่ยวเวียดนาม ตอนที่3 ฮาลองเบย์ ถ้ำเทียนกุง หมู่บ้านชาวประมง Vung Vieng Fishing Village
เที่ยวเวียดนาม ตอนที่4 ฮาลองบก (นิงห์บิงห์) ฮวาลือ ตามก๊อก Hoa Lu Tam Coc
เที่ยวเวียดนาม ตอนที่6 พระราชวังฤดูร้อนจักรพรรดิเบ๋าได๋ วัดตั๊กลัม ทะเลสาบ Tuyen Lam น้ำตกดาตันลา
เที่ยวเวียดนาม ตอนที่7 เที่ยวมุยเน่ แฟรี่สตรีม หมู่บ้านชาวประมง ทะเลทรายขาว ทะเลทรายแดง
เที่ยวเวียดนาม ตอนที่8 เที่ยวโฮจิมินห์