เที่ยวเกาะสีชัง ตอนที่ 2 นมัสการรอยพระพุทธบาทจำลอง เที่ยวช่องเขาขาด ชมพระราชวัง

เช้าวันใหม่บนเกาะสีชัง เช็คเอาท์ออกจากที่พักเรียบร้อยแล้ว พวกเราก็โทรหาพี่สามล้อคนเดิมมาตกลงราคาพาเที่ยวกันอีกเช่นเคย วันนี้ก็จะเที่ยวเยอะๆหน่อย ตากแดดนานแน่ๆ เตรียมทากันแดดไว้ให้ดีๆ เลยนะ ^_^

ที่แรกที่เราจะไปเที่ยวกันคือ ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่

GPS: 13.167232, 100.806237

ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของเกาะสีชัง ตั้งอยู่บนเขาคยาศิระทางทิศเหนือของเกาะสีชัง

ก่อนขึ้นไปสักการะเจ้าพ่อเขาใหญ่ แวะมาสักการะที่ศาลเจ้าแม่กวนอิมข้างล่างกันก่อน

ศาลเจ้าแม่กวนอิม เกาะสีชัง

ได้เวลาขึ้นไปสักการะเจ้าพ่อเขาใหญ่ อันที่จริงที่ศาลมีรถรางขึ้นทางชันด้วยนะ แต่ไม่ได้เปิดบริการให้นักท่องเที่ยวใช้ ใช้ขนของเท่านั้นจ้า…

นักท่องเที่ยวให้เดินขึ้นบันได้ได้จากจุดนี้

ถ้ำเจ้าพ่อเขาใหญ่

บนศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ สามารถชมวิวท่าเรือ ประภาคาร และทิวทัศน์ของเกาะสีชังได้

หลังจากสักการะเจ้าพ่อเขาใหญ่แล้ว เราจะไปสักการะรอยพระพุทธบาทบนไหล่เขาคยาศิระกันต่อ

ขึ้นบันไดไปเป็นระยะทาง 268 ม.

ระหว่างทางเดินขึ้น ค่อนข้างมีต้นไม้ปกคลุม ร่มรื่นอยู่

วิวสุดแกรนด์บนไหล่เขาคยาศิระ

มณฑปรอยพระพุทธบาท เกาะสีชัง

ลงจากยอดเขาคยาศิระ พวกเราไปเที่ยวกันต่อที่ ช่องอิศริยาภรณ์ หรือช่องเขาขาด

GPS: 13.163313, 100.800450

ช่องอิศริยาภรณ์ หรือช่องเขาขาด เป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกยอดฮิตของเกาะสีชัง ในอดีตเคยเป็นที่ตั้งของพลับพลาที่ประทับชมทิวทัศน์ของรัชกาลที่ ๕ เหตุที่เรียกช่องเขาขาด เนื่องจากมีลักษณะเป็นช่องเขาขาดออกจากกันนั่นเอง

สะพานวชิราวุธ สะพานปูนสีขาวทอดยาวริมผาและเชื่อมสู่ริมทะเลด้านล่าง ยามแดดร่มลมตก สามารถเดินเล่นดื่มด่ำบรรยากาศริมทะเลและชายหาดได้อย่างใกล้ชิด

สะพานวชิราวุธ

จุดชมวิวปลายแหลมเขาขาด จากตรงนี้สามารถเดินวนไปอีกด้านของแหลมได้

ทิวทัศน์ที่ได้เห็น เมื่อมองจากจุดชมวิวปลายแหลมเขาขาด

อีกฝั่งของปลายแหลมเขาขาด

ชายหาดบริเวณช่องเขาขาด มีลักษณะเป็นหาดหิน ดูๆแล้วน่าจะคมๆ ไม่ค่อยกลมเลยแฮะ

ชายหาดแหลมเขาขาด

ออกจากช่องเขาขาด พวกเราตรงไปสถานที่ท่องเที่ยวไฮไลต์ที่ใครๆ ก็ต้องมา นั่นคือ พระราชวังจุฑาธุชราชฐาน ระหว่างทางเดินเข้าสู่พระราชวัง จะเจอกับ พิพิธภัณฑ์ชลทัศนสถาน

พิพิธภัณฑ์ชลทัศนสถาน เป็นพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติทางทะเลนำเสนองานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์ทางทะเลที่เกี่ยวข้องกับทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมทางทะเลบริเวณหมู่เกาะสีชัง

ศาลเจ้าศรีชโลธรเทพ เป็นศาลเทพารักษ์ตั้งอยู่ใต้ต้นมะขาม มีงานฉลองทุกปีตามความเชื่อของคนโบราณ

เดินเลยศาลเจ้าศรีเทพชโลธรมา จะพบกับชายหาดและสะพานอัษฎางค์

GPS: 13.149932, 100.817928

สะพานอัษฎางค์ เป็นสะพานท่าเรือสร้างด้วยไม้สักทาสี พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างสะพานทอดลงไปในทะเลบริเวณแหลมวังด้านหน้าเขตพระราชฐาน และทรงพระราชทานนามว่า สะพานอัษฎางค์

สะพานอัษฎางค์ อีกหนึ่งจุดไฮไลต์ของเกาะสีชัง

เรือนไม้ริมทะเล ที่นี่มีน้ำอัดลม ชา กาแฟ และบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปจำหน่าย ให้ได้พักจิบกาแฟชมวิวหาดทรายให้คลายร้อนกัน ก่อนไปเดินเที่ยวที่ต่อไปที่ วัดอัษฎางคนิมิตร

GPS: 13.146514, 100.816643

เจดีย์เหลี่ยม เป็นเจดีย์อิฐ สูง 30 ฟุต ไม่ปรากฏประวัติการสร้าง สันนิษฐานเพียงว่าน่าจะเป็นเจดีย์ตามบันทึกของนาย จอร์น ครอว์เฟิร์ด ( John Crawfurd ) ราชฑูตอังกฤษเมื่อปลายรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยในปี พ.ศ. 2365 ได้บันทึกการสำรวจสภาพภูมิประเทศ พันธ์พืช สัตว์ ธรณีสัณฐาน ตลอดจนชุมชนท้องถิ่นเกาะสีชัง สันนิษฐานว่าเป็นที่สำหรับชาวเรือมานมัสการ (ข้อมูลจาก: www.phrachudadhuj.com)

วัดอัษฎางคนิมิตร สร้างขึ้นและตกแต่งโดยได้รับอิทธิพลมาจากสถาปัตยกรรมโกธิค

ภายในอุโบสถวัดอัษฎางคนิมิตร

ออกจาก พระราชวังจุฑาธุชราชฐาน ก็ได้เวลาอันสมควรที่จะต้องกลับ พวกเราโทรเรียกพี่สามล้อเพื่อรับไปเอาของที่ฝากไว้ที่โรงแรม จากนั้นก็ให้ไปส่งที่ท่าเรือกลับฝั่ง เป็นอันว่าเสร็จสิ้นทริปเกาะสีชัง

ก็ไม่คิดมาก่อนว่าเกาะสีชังจะมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ และมีความเป็นมาทางประวัติศาสตร์ขนาดนี้ โดยรวมเราชอบนะ ทะเลสวย ฟ้าใส ถึงแม้จะไม่ได้มีหาดทรายนุ่มๆให้ได้เดินเล่นมากนัก แต่หาดหิน หรือหน้าผาชายหาด ก็เป็นจุดชมวิวที่สวยและแปลกตาไปอีกแบบ ต้องขอบคุณเจ้าบ่าวเจ้าสาวที่อยากมาถ่ายรูปพรีเวดดิ้งกันที่นี่ นี่ถ้าไม่ชวนก็ไม่ได้รู้หรอกเนี่ย ว่าเกาะสีชังก็น่าเที่ยวเหมือนกัน ^_^