การไปเกาหลีครั้งนี้ เราได้มีโอกาสใช้บริการของการบินไทย พอดีว่าได้โปรโมชั่น ราคาถูกใจ ไม่ต้องเวียที่อื่น เลยตัดสินใจจองตั๋วไปเลยทันที พอถึงวันบิน ซึ่งต้องบินเที่ยงคืน เรานัดเดอะแก๊งค์มาเจอกันตอนสามทุ่ม เนื่องจากได้ข่าวว่าช่วงนี้สนามบินสุวรรณภูมิมีเจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอ คนต่อแถวยาวมาก เรากลัวตกเครื่องเลยต้องมาเตรียมการตั้งแต่เนิ่นๆ พอมาเช็คอิน เราก็ต้องมีเรื่องใจหายกันรอบที่หนึ่งเนื่องจากเดอะแกงค์เราคนนึงใช้บัตรเครดิตซื้อตั๋วเครื่องบินไว้ แต่ไม่ได้เอาบัตรใบนั้นติดตัวมา เพราะกะว่าไม่ได้ใช้ แต่คุณพระช่วย!! เจ้าหน้าที่ที่เคาน์เตอร์บอกว่า ให้เอาบัตรเครดิตที่ซื้อตั๋วเครื่องบินมาแสดงด้วย เอาละ!! เวรกรรม เดอะแก๊งค์คนนั้นต้องต่อสายถึงผู้ปกครองของเธอให้รีบเอาบัตรเครดิตใบนั้น ยี่ห้อนั้นมาให้ที เดอะแก๊งค์อีกคนเพื่อนสนิทของคนที่ลืมบัตรเกิดท้อใจ เอ่ยว่า “ถ้า She ไม่ได้ไป I ก็ไม่ไปด้วย” เอ๊า!! ไปกันใหญ่ละ
สักครึ่งชั่วโมง บัตรเครดิตก็มาถึง โล่งใจไปเปราะหนึ่ง เช็คอินแล้ว เย้!! เวลาผ่านไปครู่หนึ่งเดอะแก๊งค์คนเดิมบอกว่า เธอลืมเงินไว้ที่บ้าน จ๊ากส์!!! เธอต้องต่อสายถึงผู้ปกครองเธออีกรอบให้เอาเงินมาให้ที แต่ทุกอย่างก็ผ่านมาได้ด้วยดี โอ๊ยยย!! ชั้นล่ะลุ้นแทนเธอจริงๆ 555
เวลาเที่ยงคืนเครื่องบินก็เหินฟ้าสู่เกาหลีใต้ โดยคราวนี้เรามีแพลนเน้นเที่ยวต่างจังหวัดของเกาหลีใต้เป็นส่วนใหญ่ จุดหมายแรกคือปูซาน เราถึงสนามบินกิมแฮ ปูซาน เวลาประมาณ 08.00น. ตามเวลาท้องถิ่นของเกาหลีใต้ ผ่านตม.มาเรียบร้อย ขึ้นแท๊กซี่ตรงดิ่งไปที่โรงแรม Elysee Motel
โรงแรมนี้อยู่ใกล้กับ Busan Tower มากๆ แทบหายใจรดต้นคอ เดินขึ้นบันไดข้างๆโรงแรมขึ้นไป 1 นาทีก็ถึงเลย โดยสถานีซับเวย์ที่ใกล้โรงแรมได้แก่ สาย1 สถานี Nampodong ทางออก 7 หรือ 5 ก็ได้
พอถึงโรงแรม เจอผู้ชายตัวใหญ่ หน้าตี๋ๆ มายืนยิ้มให้ตั้งแต่เช้า เค้าคือ Mr. Sungho Son เจ้าหน้าที่หลักของโรงแรมนี้ เรื่องการสื่อสารภาษาอังกฤษของเค้าถือว่าดีพอควร ช่วยอะไรเราได้เยอะเลย ว่าแล้วเรามาดูหน้าตาห้องพักที่นี่ดีกว่า…..
เปิดประตูห้องเข้าไป มีที่ถอดรองเท้าให้ เป็นสัดเป็นส่วน
เข้าไปในห้อง สิ่งแรกที่เจอคือ ห้องน้ำ…..ว๊าวว!! มันดูดีมาก ได้นอนแช่น้ำอุ่นสบายแน่เรา
ส่วนของห้องอาบน้ำ ที่แยกออกมาเป็นสัดส่วน
สภาพห้อง และเตียงนอน ที่รกนิดนึง เพราะฝีมือของเราเอง ภายในห้องกว้างขวางมาก เตียงก็สบาย มีส่วนของโซฟานั่งเล่น นั่งดูทีวีให้ด้วย
สิ่งอำนวยความสะดวกในห้อง ค่อนข้างครบนะ เริ่มตั้งแต่ ทีวีจอยักษ์ ตู้เย็น(ข้างในมีน้ำให้2ขวด) คอมพิวเตอร์ อินเทอร์เน็ตแบบสายแลน เก้าอี้นั่งเล่นคอม ส่วนของโต๊ะเครื่องแป้ง มีหวี บอดี้โลชั่น สำลีปั่นหู ทิชชู่ กระดาษ ปากกา โอ้ว!! เยอะ….แต่ก็น่าจะมีให้ประมาณเท่านี้แหละ
บรรยากาศทางเดิน ในโรงแรม ชมพูมว๊ากกก
สิ่งอำนวยความสะดวกสุดเด็ดดวงอีกอย่างของโรงแรมนี้ หนังผู้ใหญ่ เป็นที่สนใจของเดอะแก๊งค์เรามาก ไปยืนมุงดูกันยังกะไม่เคยเห็น 555 โดยชั้นวิดีโอนี้ตั้งอยู่หน้าลิฟท์ เดินผ่านก็แวะสอยได้ ไม่ต้องเคอะเขิน โรงแรมนี้เค้าเพียบพร้อมซะจริงๆ 😀 ราคาค่าห้องอยู่ที่ 50,000 วอน/คืน คิดเป็นเงินไทยตอนนั้นประมาณคืนละ 1,900 บาท พักได้สองคน หารสองแล้วเหลือต้องจ่ายคนละ 950 บาทต่อคืน
หลังจากเก็บของ ติดตั้งอุปกรณกันหนาวให้กับร่างกายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เราเริ่มออกเที่ยวทันที พอลงจากห้องมาชั้นล่างสุด เจ้าของโรงแรม Mr. Sungho Son คนเดิมยืนรอแจกแผนที่ท่องเที่ยวพร้อมอธิบายรายละเอียดกับเราอยู่ เค้ากางแผนที่ออก และบอกสถานที่เที่ยวที่น่าสนใจ พร้อมกับบอกรายละเอียดอื่นๆ เช่น ตลาดโซนนี้ขายอะไร ปิดกี่โมง สุดท้ายให้นามบัตรร้านซูชิที่เค้าบอกว่าอร่อยที่สุดในปูซานมาให้ไปลองชิมด้วย ทั้งหมดนี้เป็นบริการอย่างหนึ่งที่เค้าทำให้นักท่องเที่ยวทุกคน แม้จะปิดท้ายด้วยการแนะนำร้านซูชิ ซึ่งอาจจะเป็นคนรู้จักกัน แต่เราว่าที่เค้าทำมันดีมากนะ ใจดีจริงๆ
จากในภาพด้านบน มองไปที่ยอดตึก จะเห็นหอคอยปูซานโผล่มาให้เห็นด้วย ก็อย่างที่บอกโรงแรมอยู่ใกล้ Busan Tower มากๆเลย
ที่แรกที่ไปก็คือ Busan Station ซึ่งไม่ได้มาเที่ยว แต่พาเดอะแกงค์ขี้ลืมและเพื่อนสนิทมาซื้อตั๋วรถไฟความเร็วสูง KTX เพื่อนั่งเข้าโซล เนื่องจากหลังจากเที่ยวปูซานแล้ว เราจะแยกกันเป็นสองกลุ่ม กลุ่มแรกเที่ยวปูซานเสร็จจะไปเที่ยวเกาะเจจูก่อนแล้วค่อนเข้าไปที่โซล กลุ่มที่สองหลังจากจบจากปูซานแล้วจะตรงดิ่่งเข้าโซลเลย
หลังจากเสร็จธุระซื้อตั๋ว KTX แล้ว เราก็มุ่งตรงมาที่ตลาดปลาจากัลชิ แต่วันนี้เหมือนจะเป็นวันหยุดของเกาหลีเค้านะ เงียบเชียบเชียว
ตามทางเดิน ร้านรวง ปิดแทบทุกร้าน
ตึกตลาดปลาจากัลชิก็ปิด แงๆ Y_Y กะจะมาซัดอาหารทะเลซะหน่อย นึกถึงร้านซูชิที่เจ้าของโรงแรมให้นามบัตรมา เดินตามหา แต่ร้านก็ปิดอีกเช่นกัน ปิด ปิด ปิด หมดเลย มาเที่ยวช่วงวันหยุดเกาหลีมัน Sad มาก ว่าแล้วก็ไปที่อื่นต่อเลยดีกว่า
เดินจากตลาดปลาจากัลชิ ข้ามถนนมาอีกฝั่ง มาต่อกันที่ Biff Square หรือถนนหนังเมืองปูซาน
มาเดินดูรอยมือของผู้กำกับและดาราชื่อดัง แถมขยะมาให้ด้วย อิอิ
สายแล้ว หาอะไรกินดีกว่า ที่ Biff Square ร้านส่วนใหญ่ก็ปิดเหมือนกัน เห็นว่าร้านนี้เปิดอยู่เลยลองขึ้นไปดูซะหน่อย
ที่ร้านเป็นอาหารออกแนวสไตล์ญี่ปุ่นปนเกาหลี กิมจิที่นี่อร่อยมากกกกกก มากๆเลย เป็นกิมจิใส่กุ้งเคย ไม่เหมือนที่อื่นๆ พอนึกถึงแล้วก็น้ำลายสอ นึกถึงรสชาติสุดอร่อยขึ้นมาทันที
หลังจากกินอุด้งคนละชามไปแล้ว แค่นั้นยังไม่พอ เห็นไก่เสียบไม้ในร้านป้าคนนี้น่ากินดี เดินเข้าไปซื้อป้าแกบอก No No อ้าว!! ทำไมไม่ขายเราอะ แรกๆก็คิดว่ายังทำไม่เสร็จนะ แต่พอคนเกาหลีเดินมาซื้อ แกก็ขายให้ แถมได้ยืนกินหน้าร้านเลย อะไรวะ! ป้าสองมาตรฐานนี่หว่า… ไม่ขายเราไม่เป็นไร ว่าแล้วไปหยามน้ำหน้าซื้อของร้านข้างๆแกซะเลย หุหุ
ข้างๆร้านป้าสองมาตรฐาน เป็นร้านขายอาหาร หลากหลายมากเลย มีตั้งหลายอย่าง รู้สึกว่าเราจะอุดหนุนอาหารแกเกือบทุกชนิดเลยนะ ลืมไปเลยว่ากินอุด้งมาแล้ว
จากของคาว เสร็จแล้วก็มาต่อกันที่ของหวาน ถูกตาต้องใจเจ้านี่ สตรอเบอรี่ลูกโตเสียบไม้เคลือบน้ำตาล
หน้าตาน่ารัก น่ากิน รสชาติอร่อยดีอะ สตรอเบอรี่รสชาติหวานอมเปรี้ยวนิดๆ กับน้ำตาลกลิ่นหอมๆเหมือนโอเล่ กัดไปคำแรก ต้องร้องว่า อร่อยง่าาาา…….
หลังจากอิ่มหนำสำราญที่ Biff Square แล้ว เดอะแก๊งค์ราสองคนขอถอนตัวจากการเที่ยววันนี้ เนื่องจากง่วงมากและหนาวมาก ตอนนี้จึงเหลือกันสี่คน ที่ต่อไปนั่นก็คือ Taejongdae Park
ออกจากซับเวย์แล้วไปยืนรอรถเมล์สาย 88 หรือสาย 101 ที่ป้าย สักพักใหญ่ๆ ยังไม่มีมา เราเลยตัดสินใจนั่งแท็กซี่กัน ระหว่างทางไปแทจองแด ได้มีโอกาสคุยกับคุณลุงแท๊กซี่ เราก็ถามโน่นถามนี่ไปเรื่อย ลุงแกก็ตอบเป็นอังกฤษได้ทีเลยนะ แถมยังคอยชี้บอกโน่นนี่ให้เราเป็นความรู้ด้วย ไม่นานนักลุงแกก็ชี้ชวนให้ดูเกาะสึชิม่าของญี่ปุ่น ซึ่งสามารถมองเห็นได้จากแทจองแด แบบไกลๆ ขับมาระยะทางเหมือนไกลเลย หรือไม่ก็เพราะมีอะไรให้ดูตลอดทาง แท๊กซี่มาส่งที่หน้าทางเข้า ค่าแท็กซี่ 7,000 วอนนิดๆ แต่แกปัดลงให้เหลือ 7,000 ถ้วน หาร4คน ถือว่าไม่แพงเลย นั่งสบาย แถมลุงคุยสนุกด้วย
จากทางเข้า ต้องเดินเข้าไปอีกนิดนึง ประมาณ 600 เมตร จะถึงจุดขายตั๋วรถไฟ พาหนะพาเที่ยว Taejongdae Park แห่งนี้ ราคาคนละ 1,500 วอน
รถไฟ Danubi มาแล้วววว
รถไฟแล่นผ่านจุดท่องเที่ยวต่างๆ สามารถเดินลงไปชม แล้วรอขึ้นคันใหม่เพื่อไปจุดต่อไปได้เช่นกัน
ถึงตรงนี้มีป้ายลูกศรชี้ไปด้านบน Jiwoo Love Story หญิงสาวคนนี้มีความสำคัญกับที่นี่ยังไงหนอ ถ้าเดาไม่ผิดต้องเป็นนางเอกซีรีย์ดังๆสักเรื่องแน่ๆ เดาว่าเป็นซีรีย์ เป็นละครไว้ก่อน เพราะเกาหลีในสายตาชาวต่างชาติอย่างเรา ก็ไม่พ้นเรื่องละครหรอก
ขึ้นมาด้านบน เหมือนจะเป็นแกลลอรี่ตกแต่งภาพน้องจิวูคนนี้
มีการตกแต่งบรรยากาศให้ดูโรแมนติก
จากจุดน้องจิวูแล้ว ต้องนั่งรถไฟเพื่อไปอีกจุดหนึ่ง แต่รอรอบต่อไปไม่ไหว เลยยอมเสี่ยงดวงเดินไปจุดต่อไปเลยแล้วกัน
จุดนี้เป็นจุดชมวิวประภาคาร และ Suicide Rock
Suicide Rock
เดินลงจาก Taejongdae Park มา เห็นวิวย่านแทจองแดได้ชัดเจน เป็นวิวยามเย็นที่สวยงามอีกวิวนึงในวันนี้
จากแทจองแด กลับที่ที่พัก เพื่อไปเที่ยวปูซานทาวเวอร์กันต่อ เดินขึ้นบันไดข้างๆโรงแรมขึ้นมา 1 นาที
เห็นจุดหมายแล้ว นั่นไง ปูซานทาวเวอร์
ค่าเข้าชมคนละ 4,000 วอน
ขึ้นมาชมวิวเมืองปูซานแบบ 360 องศา ทุกทิศทุกทาง
ลงมาชมวิวด้านล่างกันบ้าง
จากนั้นเดินลงบันไดเลื่อนหน้าปูซานทาวเวอร์ไป จะพบกับถนนช้อปปิ้งแฟชั่นแบรนด์เนมของปูซาน
Gwangbokro Fashion Street ถนนช้อปปิ้งแฟชั่นแบรนด์เนมของปูซาน
จากนั้นนั่งซับเวย์ไปลง Haeundae Station เพื่อไปเดินชมวิวชายหาดตอนกลางคืนสักหน่อย
ออกจากสถานี Haeundae เดินมาเรื่อยๆ พบกับร้านนี้ น่าสนใจดีนะ แวะหาอะไรกินก่อนที่ร้านจะปิดก่อนดีกว่า
ร้านดูกว้างขวางดี เป็นร้านขายอาหารทะเลแบบต้มๆ ผัดๆ แล้วแต่เราจะสั่ง
สิ่งแรกที่นำมาเสิร์ฟคือเครื่องเคียงต่างๆ อันนี้เป็นสลัด โรยด้วยถั่วป่น รสชาติดีนะ ติดใจมาก
สาหร่าย
ยำผัก อันนี้ก็อร่อยมากเช่นกัน
ปลากรอบปรุงรส
กิมจิ อันนี้ก็รสชาติดีเหมือนกัน
เอาหม้อมาวางแล้วว เมนูที่เราสั่งไปคือปลาหมึกผัดซอสแดง แต่ที่มาในหม้อนี่ รวมมิตรมาเลยนะ มีกุ้งด้วย ชักจะไม่แน่ใจ?
สักพักเค้าก็มายกคืนไป
มาแล้วของที่สั่งไป ปลาหมึกผัดซอสแดง
ผัดสุกแล้ว ลงมือทานเลยยยย
พอเราทานใกล้หมด ทางร้านก็มาเสนอ option เพิ่มว่า ใส่ราเมนลงไปมั๊ย? เราก็ว่าเข้าท่าดี เอาๆ
แต่กว่าเส้นจะสุก บางอย่างก็แอบไหม้นิดนึง กินแล้วมีรสขมนิดๆ
ทานปลาหมึกผัดซอสแดงเสร็จแล้ว กะจะมาเดินชมวิว เดินย่อยที่ชายหาด Haeundae แต่ว่ามันหนาวมาก ลมพัดมา หนาวแร๊งส์ หนาวลื๊ม โอ๊ยๆ!! หนาวมากๆ ไม่รู้จะบรรยายยังไง แค่ยืนนิ่งๆถ่ายรูปสักชอต มือยังสั่นหงึกๆ ถ่ายมาได้สามรูป รีบบอกคนอื่นว่า กลับเถอะ….
จบทริปปูซานวันแรกไปแบบหนาวๆ แข็งๆ หงึกๆ รีบกลับไปพักผ่อน พรุ่งนี้เรามีแพลนเดินทางไป Goseong กัน