เช้าแห่งการเที่ยวเกาะเจจูวันที่สอง วันนี้เราจะขับรถตะลอนตามเก็บสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ในเกาะเจจูกัน เริ่มจากที่ใกล้ๆที่พักก่อนที่แรก เรามาดูโขดหินยงดูอัมกัน
เช้านี้อากาศไม่ค่อยสดใสเท่าไร มีเมฆครึ้มๆ ตั้งเค้ามาแต่ไกล
นี่คือหน้าตา โขดหินยงดูอัม หรือที่เรียกกันว่า โขดหินมังกร เนื่องจากโขดหินนี้มีลักษณะเหมือนมังกรโผล่หน้าขึ้นฟ้า และอ้าปากอยู่
อันนี้ดูใกล้ๆ จากอีกฝั่งนึง ซึ่งโดนแสงแดด
จากในภาพมองตรงไปจะเห็นตึกตรงชายฝั่งทะเล นั่นคือ โรงแรมรามาดา (Ramada) เป็นที่พักที่นิยมอีกที่หนึ่งของคนไทยที่ไปเที่ยวเกาะเจจู ส่วนผู้คนมากมายด้านล่างนี้ เค้าลงไปทำอะไรกัน จ้องมองดีๆ จะเห็นว่ามีพ่อค้า แม่ค้า มาปิ้งหอย ปิ้งอาหารทะเลขายกันตรงนั้นเลย มิน่าล่ะ….คนเยอะจริงๆ
จากจุดชมโขดหินยงดูอัม เดินขึ้นมาจะเจอกับ ทอลฮารุบัง (Dolharubang) หรือหินปู่ สัญลักษณ์ของเกาะเจจู อดไม่ได้ ต้องถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกหน่อย
ส้ม เป็นผลไม้ที่มีชื่อเสียงของเกาะเจจู เมื่อได้เจอรถมาตั้งขายเลยถือโอกาสลองซื้อมาชิมดู ชิมแล้วก็ ><” อื้อหืออออ………. ไม่ขอวิจารณ์มากมาย แต่ส้มไทยหวานกว่า ชนะเลิศ!! เราอยากเห็น ส้มไทยไปส้มโลก!! บ้างจัง อย่างว่าบ้านเค้าอากาศเย็น ผลไม้คงไม่อร่อยเท่าบ้านเราเท่าไร
เมื่อปี 2011 ที่ไปเที่ยวเกาหลีครั้งแรก เคยมีอาจุมม่าใจดีให้ส้มมากินตั้งถุงเบ้อเร่อแน่ะ!! แต่พอชิมไปแล้ว ตาปิดสนิท แต่ก็ถือว่าสนุกดี ยังนึกขอบคุณเค้าอยู่เรื่อยมา 😀 ได้เจอคนใจดีมากมาย เป็นอีกเรื่องที่น่าประทับใจเหมือนกัน
ที่หมายต่อไปเราจะไปที่ น้ำตกเชินเจยอน Cheonjeyeon 천지연폭포 กัน ระหว่างทางได้เห็นวิวนี้ ช่างสวยจริงเชียว เป็นภูเขาฮัลลาซาน ภูเขาไฟที่ดับแล้ว มียอดเขาสูง หิมะและเมฆปกคลุมตลอดฤดูหนาว ถ่ายมาได้จากในรถ ฟลุคมากๆ
ทางเข้า น้ำตกเชินเจยอน Cheonjeyeon 천지연폭포
วิวลานจอดรถก็ยังสวย มีเมฆครึ้มผสมแดดเปรี้ยงๆ
หินปู่ ที่หน้าบริเวณทางเข้า เป็นที่น่าสังเกตว่า สถานที่ท่องเที่ยวในเกาะเจจูแทบทุกที่จะต้องมีสัญลักษณ์หินปู่ตั้งไว้ ให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูป
ทางเข้าชม น้ำตกเชินเจยอน Cheonjeyeon 천지연폭포 สองข้างทางตกแต่งเป็นสวน มีไม้ดอกไม้ประดับสวยงาม
นี่คือสะพานใช้ข้ามไปชมน้ำตกเชินเจยอนมีชื่อเรียกว่า สะพานเจ็ดนางฟ้า
เดินขึ้น สะพานเจ็ดนางฟ้า มาสามารถเห็นทิวทัศน์ของภูเขาฮัลลาซานได้
ภาพนี้ให้ความรู้สึกเหมือนมีลำธาร มาจากภูเขาฮัลลาซาน
น้ำจากน้ำตกเชินเจยอน Cheonjeyeon Waterfall
เงาของสะพาน ตกกระทบเป็นรูปหัวใจ ด้วยความอยากโรแมนติกบ้าง เราจึงเลือกเดินฝั่งเงารูปหัวใจนี้ ขอเดินตามหัวใจตัวเองสักครั้ง 555 😀
แผ่นหินแสดงความเป็นมาของน้ำตกเชินเจยอนแห่งนี้ Cheonjeyeon Waterfall สังเกตดูจากในภาพจะเห็นหญิงสาว ซึ่งในประวัติบ่งบอกว่าเป็นนางฟ้าเจ็ดองค์ เราจึงพลอยเรียกน้ำตกแห่งนี้ไปว่า น้ำตกเจ็ดสาวน้อยเกาหลี
บริเวณทางเข้า-ออก มีจุดชมวิวซึ่งสามารถมองเห็น สะพานเจ็ดนางฟ้า ได้เต็มที่
จุดหมายต่อไป มาต่อกันที่ แหลมจูซังจอล Jusangjeolli 주상절리대 เป็นชายฝั่งที่มีหินรูปร่างหกเหลี่ยมเหมือนรังผึ้งติดๆกัน และยื่นเป็นแหลมออกไปในทะเล ทำให้เกิดทิวทัศน์ที่แปลกตาสวยงามมาก
น้ำทะเลสีสวยมาก
จาก แหลมจูซังจอล มาจุดต่อไปคือ น้ำตกจองบัง ขับหลงวนเวียนหมู่บ้านแถวนั้นอยู่พักนึง และแล้วก็มาถึง
น้ำตกจองบัง เป็นน้ำตกที่ตกมาจากลำธารด้านบน ตกลงสู่ทะเลด้านล่าง
เดินขึ้นมาจากน้ำตกจองบัง มาซื้อชอกโกแลตเจจูเป็นของฝากกลับไป ก่อนซื้อทางร้านจะมีให้ชิม เราชิมทุกรสอย่างละนิดอย่างละหน่อย และแล้วเราซื้อมาทั้งหมดสี่กล่อง ถ้าจำไม่ผิด ราคากล่องละ 2,000 วอน เท่านั้น (แต่พอไปดูราคาชอกโกแลตเจจูที่ Lotte Mart ที่โซล พบว่าราคาสูงมากถึงกล่องละ 10,000 วอน โอยย!! โชคดีมาก ที่ได้ซื้อจากแหล่งโดยตรง)
ออกจากน้ำตกจองบังมาแล้ว ขณะนี้เวลาประมาณบ่ายสามโมง เกือบบ่ายสี่โมงเย็นแล้ว เราต้องไปเอากระเป๋าและนำรถไปคืนให้ทัน 18.00น. และขึ้นเครื่องกลับโซลให้ทัน 19.00น. ตอนนี้พิกัดของเราจะอยู่ที่ซกวิโพ และยังเหลืออีกที่นึงที่เมื่อวานเราไม่ได้ไปเที่ยวกัน และคิดว่าจะไปเที่ยววันนี้ นั่นก็คือ ถ้ำลาวามัลจังกุล
คำนวณเส้นทางและเวลาค่อนข้างเฉียดฉิวมาก แต่ก็ตัดสินใจไปกัน เพราะไหนๆก็มาแล้ว ไม่อยากเสียดายไปตลอด เพราะไม่รู้ว่าจะได้มาอีกรึเปล่า สรุป!! ตัดสินใจกันว่าไปเที่ยว ถ้ำลาวามัลจังกุล กันก่อน แล้วค่อยนำรถไปคืน บึ่งเต็มที่ ทำเวลากันสุดๆ
ระหว่างทาง หิมะเยอะมาก ขับเร็วมากก็ไม่ได้ หากขับเร็วเกินกว่าที่กำหนดไว้ GPS จะดังตลอดจนกว่าความเร็วจะลดลง แต่ถ้าหนทางดีๆ บางทีพวกเราก็ไม่ได้สนเสียงเตือน GPS บ้างเป็นครั้งคราว 😀
ถึงแล้ววว…ถ้ำลาวามัลจังกุล มาถึงตอน 16.50น. รีบเข้าไปดูดีกว่า
ภายในเป็นถ้ำที่เกิดจากการเคลื่อนตัวของลาวา มีความยาวประมาณ 13-14 กิโลเมตร ซึ่งยาวมากกกกก น่าจะเป็นถ้ำที่ยาวที่สุดในโลกเลยก็ได้มั้ง
ผนังถ้ำลาวา มัลจังกุล Munjanggul Cave
ภายในถ้ำติดไฟสีต่างๆ ไว้ตามทาง พวกเราเดินกันอยู่แค่ 15 นาที ก็ต้องบอกลาถ้ำนี้กันแล้ว เสียดายไม่ได้เดินดูจนทั่ว เดี๋ยวเราจะต้องทำเวลาไปเอากระเป๋าที่ฝากไว้ที่โรงแรม คืนรถ และขึ้นเครื่องไปโซลกัน
สุดท้ายแล้วทุกอย่างก็ทันท่วงที ต้องขอชมเชยโชเฟอร์ของเรา โมมด มาลัยซ้าย ณ เจจูโด ไว้ ณ ที่นี้ เธอเก่งมาก บ๊ายบายเกาะเจจู ขอบคุณสำหรับสองวันที่ตื่นเต้น สวยงาม และสนุกมากๆ