เที่ยวญี่ปุ่น ซากุระ (8) เที่ยวฮาโกเน่ Hagone ชิมไข่ดำ Owakudani ล่องเรือโจรสลัด ทะเลสาบอาชิ Ashi Lake

แวะอ่านตอนที่ (7) ที่นี่จ้า >> เที่ยวญี่ปุ่น ซากุระ (7) เที่ยวคามาคุระ-โยโกฮาม่า

เช้าวันนี้พวกเรามีแพลนไปชิมไข่ดำ ล่องเรือโจรสลัดทะเลสาบอาชิ และจะแวะไปค้างคืนที่ทะเลสาปคาวากุจิโกะกันต่อ โดยวันนี้ออกกันตั้งแต่ 06.00น. เช้า จากโตเกียว (Shinagawa) เรานั่งชินคันเซนไปลงที่สถานี Odawara เวลาประมาณ 35 นาทีก็ถึง Odawara แล้ว จากนั้นพวกเรามุ่งหน้าไปซื้อ Hagone Free Pass แบบ 2 days ราคา 3,900 เยน โดยพาสนี้สามารถใช้โดยสารพาหนะทุกประเภทในเส้นทางท่องเที่ยวในเขตฮาโกเน่ เช่น รถไฟ รถบัส เคเบิ้ลคาร์ กระเช้าไฟฟ้า และการล่องเรือโจรสลัดในทะเลสาบอาชิด้วย แม้จะใช้เที่ยวแค่เพียงวันเดียวก็เกินคุ้มแล้ว

จาก Odawara รอขบวนรถ Odakyu Railways นั่งไปยังสถานี Hagone-Yamoto เพื่อไปขึ้นรถไฟสายคลาสสิค ใช้เวลาเดินทาง 15 นาที จากสถานี Odawara มายังสถานี Hagone-Yamoto

จากสถานี Hagone-Yamoto นั่งรถไฟสายคลาสสิคมาประมาณ 35 นาที ถึงสถานี Gora (ระหว่างทางก่อนถึงสถานี Gora สามารถแวะลงเที่ยวสถานีระหว่างทางได้ แต่พวกเราไม่ได้ลงไปเที่ยว)

ที่สถานี Gora รอขึ้น Cable Car ที่อยู่ติดกับสถานี Gora โดยรถรางออกทุก 15-30 นาที นั่งไปสุดสายที่สถานี Sounzan เพื่อไปขึ้น Hagone Ropeway

เส้นทางขึ้นสู่สถานี Sounzan มีรถรางกำลังวิ่งตรงมาทางที่เรากำลังแล่นพอดี

ทายซิ…ว่าเราต้องไปทางซ้าย หรือไปทางขวา ?

รถรางวิ่งมาสุดสายที่สถานี Sounzan

ถึงสถานี Sounzan เราไปรอขึ้น Hagone Ropeway เพื่อไปยังสถานี Owakudani

หน้าตาของ Hagone Ropeway กระเช้าที่จะพาเราไปยังหุบเขา Owakudani จุดหมายในการชิมไข่ดำในวันนี้

ระหว่างทางมีวิวสวยๆ ให้ชมเพลินๆ ด้วยนะ แต่ก็ยังไม่มีซากุระต้นใดบานให้เห็นเลย

วันนี้ท้องฟ้าครึ้ม หม่น ตลอดทาง อยากเห็นฟูจิซังบ้างจัง วันนี้จะมีบุญได้เห็นบ้างไหมนะ ??

กระเช้าลอยผ่านช่วงที่เป็นเหมืองกำมะถัน

บรรยากาศเหมืองกำมะถันด้านล่าง จากที่เคยอ่านในเว็บมา หลายๆคนบอกว่า ช่วงที่กระเช้าลอยผ่านเหมืองกำมะถัน จะได้กลิ่นกำมะถัน คล้ายไข่เน่าแบบอ่อนๆ ด้วย เอาเข้าจริง เราไม่ได้กลิ่นเลยแฮะ หรือเราจะจมูกไม่ดีไปแล้ว ไม่งั้นกลิ่นคงจะอ่อนมากๆ เลยมั้ง (-“-)

นั่งกระเช้ามา สักแป๊บเดียวประมาณ 7 นาที เราก็มาถึงสถานี Owakudani

มาชิมไข่ดำครั้งนี้ เตรียมความพร้อมมาจากไทยเลยนะขอบอก….กินไข่ต้ม เราก็ต้องพกแม๊กกี้มาด้วย ที่สถานี Owakudani มีไส้กรอกดำขายด้วยนะ เป็นไส้กรอกแท่งยาวๆ เสียบไม้ แต่สีดำปิ๊ดปี๋เลยทั้งแท่ง เราเห็นว่าแปลกดีเลยซื้อมาลองซะหน่อย รสชาติก็อร่อยดีนะ ไม่เลวเลย

จากสถานี Owakudani เราต้องเดินจากสถานีขึ้นเขาไปอีกนิดหน่อยประมาณ 20 นาที ก็จะถึงส่วนของบริเวณที่ชิมไข่ดำ

ระหว่างทางน้ำที่ไหลมาจาก Owakudani มีสีขาวๆ เหมือนน้ำข้าว คาดว่าคงเป็นน้ำที่มีกำมะถันปะปนอยู่

อีกนิดนึงจะถึงแล้ว ข้างบนนู่นไงที่กินไข่ดำ

ได้มาแล้ว ไข่ดำ 6 ฟอง 500 เยน ความเป็นมาของการมาชิมไข่ดำนี้ เนื่องจากมีตำนานเล่าขานกันมาว่า หากได้กินไข่ดำ 1 ฟอง จะมีอายุยืนเพิ่มขึ้นอีก 7 ปี แต่ถ้ากินมากกว่า 1 ฟองล่ะ ?? คำตอบก็คือได้แค่ 7 ปีนะจ๊ะ ที่เหลือก็ไป Burn กันเอาเองจ้ะ

จากความเชื่อตรงนี้เลยทำให้การได้มากินไข่ดำที่ Owakudani สักครั้ง กลายเป็นจุดขายที่ดีไปเลย

โฉมหน้า นายแบบไข่ดำของเรา (>,<) แกะออกจากถุงมาดู เปลือกไข่เป็นสีดำจริงๆ แต่พอแกะเปลือกไข่ออกแล้ว ไข่ด้านในไม่ดำนะ

หลังจากชิมไข่ดำเสร็จ จนอิ่มท้องแล้ว พวกเราก็เดินเล่น ถ่ายรูปบรรยากาศรอบๆ บังเอิญได้เห็นฟูจิซังหลังก้อนเมฆแว๊บๆ พวกเราจึงพยายามนั่งมอง นั่งจ้อง หวังว่าเมฆจะลอยหายไปบ้าง แต่ก็เป็นได้แค่ฝัน ฟูจิซังยังแอบเราอยู่

เวลาล่วงเลยมาหลายนาที พวกเราตัดสินใจพักเรื่องจ้องฟูจิซังไว้ก่อน แล้วตามแพลนไปเที่ยวที่ต่อไป นั่นคือ ไปล่องเรือโจรสลัดชมวิวทะเลสาบอาชิกัน

จากสถานี Owakudani นั่งกระเช้าต่อมาที่สถานี Togendai เพื่อไปท่าเรือทะเลสาบอาชิ นั่นไง เห็นทะเลสาบแล้ว แม้จะมีฝนลงเม็ดมาเล็กๆ แต่เราก็จะเดินหน้าต่อไป

ล่องเรือโจรสลัด ทะเลสาบอาชิ Ashi Lake Cruise

ระหว่างที่เราต่อคิวเพื่อรอขึ้นเรือโจรสลัดนั้น เราก็ได้เจอกับกรุ๊ปทัวร์ที่มาจากไทยกรุ๊ปหนึ่ง ตามประสาคนไทย เราก็ยิ้ม กล่าวสวัสดีทักทายกันไป พี่ที่เป็นไกด์ทัวร์บอกว่า Hagone Free Pass ที่เราถือนั้น ใช้ขึ้นเรือโจรสลัดฟรีก็จริง แต่จะไม่สามารถเดิน หรือเข้าไปในส่วนของ First Class ได้ ต้องซื้อตั๋วเพิ่มอีก 750 เยน (Round Trip) ถึงจะได้เข้าส่วน First Class ของเรือ พวกเราจึงรีบไปซื้อตั๋วมาเพิ่มทันที ต้องขอบคุณพี่ไกด์มากๆ ที่ใจดีบอกพวกเรา ไม่งั้นพวกเราก็คงจะไม่รู้รายละเอียดตรงนี้เลย

ส่วนที่นั่ง First Class ในเรือ มาคิวแรก จับจองที่นั่งติดกระจกเลย ^^

บรรยากาศทะเลสาบอาชิ

เรือโจรสลัดสีเหลือง แล่นผ่านมา

ภาพถ่ายที่ระลึกกับนักแสดงภายในเรือโจรสลัด ราคา 1,000 เยน

มาดูบรรยากาศบนเรือกันบ้าง

มีหุ่นกัปตันเรือ และโจรสลัดตั้งไว้ เพิ่มสีสันการเดินทางให้กับนักท่องเที่ยว

พวกเรานั่งเรือจากท่า Togendai ถึง Hakonemachi และก็นั่งเรือวนกลับทางเดิมไปลงที่ Togendai ระยะทางประมาณ 40นาที

นั่งวนกลับไปทางเดิม ชมวิวในอีกมุมหนึ่งบ้าง

ขณะนั่งเรือกลับมาที่ Togendai เจอฟูจิซังโผล่มานิดหน่อย ที่เหลือแอบอิงอยู่หลังก้อนเมฆหมด วันนี้ฟ้าครึ้ม ไม่เป็นใจเอาซะเลย

ยืนตากลมจ้องมองด้วยความหวังว่าเมฆจะลอยออกไปบ้าง แต่ก็ริบหรี่เช่นเดิม

เรือแล่นมาเรื่อยๆ ฟูจิซังโดนภูเขาบัง ไม่เห็นแล้ว…..แต่คิดว่าเราจะยอมแพ้อย่างงั้นเหรอ อิ อิ อิ

นั่งเรือมาถึงสถานี Togendai แล้ว พวกเราลงทุนนั่งกระเช้าย้อนกลับไปทางเดิม เพื่อหวังว่าอยู่ในมุมที่สูงขึ้นจะได้มองเห็นฟูจิซังแน่ๆ ไหนๆ ก็มี Hagone Free Pass อยู่แล้ว ขึ้นไปกลับกี่รอบก็ได้ ไม่เสียกะตังค์เพิ่ม

นั่งกระเช้ามาสักแป๊บนึง หันหน้าเข้าหากระจก นั่งเพ่งไปเรื่อยๆ ถือกล้องรอถ่าย ไม่เห็นฟูจิซังซะที จนเริ่มเมื่อยหันมาทางขวามือนิดหน่อย ว๊ายยย!!! ฟูจิซังอยู่ทางนี้นี่เอง ตะกี๊ไปนั่งจ้องผิดทาง เมื่อยฟรีเลยจ้า

กระเช้าไต่ระดับความสูงมาเรื่อยๆ เริ่มเห็นเต็มลูกแล้ว เย่…..แม้กระจกจะเหลืองไปหน่อย แต่ก็ดีใจมากเลยที่ได้เห็นฟูจิซังเต็มตาในครั้งแรก

เต็มที่ เต็มเหนี่ยว กดชัตเตอร์ไม่มียั้ง ได้มาหลายรูปเลย ขนาดอยู่บนกระเช้าไม่กี่สถานี

กระจกเหลือง ไม่ได้อย่างใจเลย พวกเราตัดสินใจว่า สถานีหน้าจะลงและไปถ่ายรูปฟูจิซังแบบไม่ผ่านกระจกบ้าง

ได้มาแล้วฟูจิ ฟ้าใสขึ้นกว่าเดิม แต่ก็ผ่านกระจกอยู่ดี แต่เท่านี้ก็ยังดีนะ ^^

Odakyu Bus - Gotemba — Odakyu Bus – Gotemba

ดูฟูจิซังสมใจอยากประมาณนึงแล้ว พวกเรานั่งกระเช้ากลับมาที่ Togendai เหมือนเดิม และซื้อตั๋วรถบัสจาก Togendai ไปยังสถานีปลายทางที่ JR Gotemba

ระหว่างทางที่นั่งรถบัส ได้เห็นวิวฟูจิด้วย ยังตื่นเต้นไม่หาย

ขออีกซักรูปละกันนะ ^__^

ถึง JR Gotemba รถบัสจะจอดส่งเราตรงสถานี JR Gotemba จากนั้นเดินบันได ข้ามไปลงอีกฝั่งหนึ่งของสถานี ลงมาแล้วทางด้านซ้ายจะเป็นที่จอดรถบัส ถามหารอบรถบัสไป Kawaguchiko ได้เลย

ช่องขายตั๋วเป็นหน้าต่างเล็กๆ ประมาณนี้ พวกเราสอบถามรอบแล้ว เหลือเวลาอีกประมาณ 1 ชั่วโมงถึงจะมีรถรอบต่อไป พวกเราจึงเดินหาอะไรรองท้องกันก่อนขึ้นรถ

ระหว่างเดินหาของกิน ถ่ายรูปฝาท่อ Gotemba มาเป็นที่ระลึก

สุดท้ายมาลงเอยที่ร้านนี้ เป็นร้านที่มีทั้งราเมน และข้าวขาย มีป้ายชื่อร้านติดไว้เป็นภาษาญี่ปุ่นแต่เราอ่านไม่ออก ภายหลังมีเพื่อนผู้ใจบุญอ่านให้ว่า ร้านชื่อ ฟูจิโมริ ภายในร้านจะเจอกับพี่คนขายตัวใหญ่ๆ ทั้งนั้นเลย เราแอบเดาว่าพี่เค้าอาจเป็นซูโม่มาก่อนรึเปล่า

ไม่เพียงแต่คนขายที่ตัวใหญ่ ดูราเมนซะก่อน ใหญ่โตมโหฬารไม่แพ้กัน เค้าครีเอทดีนะ ทำราเมนรูปภูเขาไฟฟูจิ รสชาติอาหารเค้าดีเลยนะ แม้แต่ข้าวหน้าผัดผักอะไรสักอย่าง ก็อร่อย แต่ทุกอย่างให้เยอะมาก โดยเฉพาะราเมนภูเขาไฟฟูจิ พวกเรากินกันไม่หมด รู้สึกผิดเป็นอย่างมาก

เวลาใกล้เข้ามาแล้วเราต้องรีบไป จากนั้นเราเรียกพี่เค้าให้คิดตังค์ และขอโทษเค้าที่ทานไม่หมด เหลือเยอะมาก ขอโทษกันอยู่แป๊บนึง พวกเราก็เดินออกไปเลย ลืมจ่ายตังกันหมด (อันนี้ไม่ได้ตั้งใจนะลืมจริงๆ) จนพี่คนขายในร้านเดินออกมาประชิดตัว แล้วบอกว่าพวกเรายังไม่ได้จ่ายตังนะ เราจึงต้องขอโทษเค้ารอบสองอีก 555

อันนี้เป็นป้ายหน้าร้าน รีบวิ่งมาขึ้นรถยืนถ่ายไม่ทัน ต้องมาถ่ายจากในรถแทน เป็นอีกมื้อที่ประทับใจ ทุกอย่างเยอะมาก เอาฉายา ราเมนซูโม่ ไปเลย

วิ่งขึ้นรถบัสมาได้อย่างทันท่วงที จาก Gotemba เราจะมุ่งหน้าไปทะเลสาบคาวากุจิโกะกัน ด้วย Fujikyu Bus นี้ เราได้รอบ 17.10 น. ราคาตั๋วคนละ 1470 เยน (Hagone Free Pass จะไม่ครอบคลุมการเดินทางของ Fujikyu Bus ในส่วนตรงนี้ต้องจ่ายค่าตั๋วเพิ่มเอง)

นั่งรถบัสมาด้วยระยะเวลายาวนาน เวลาประมาณ 19.00น. ก็ถึงสถานีคาวากุจิโกะ อุณหภูมิตอนนั้น 4 องศา พวกเราขึ้นแท็กซี่หน้าสถานีมาที่โรงแรม Wilderness Park Lodge (ออกเสียงสำเนียงญี่ปุ่นว่า ไวดาเน้ด พ้าก ลอจิ เราได้ยินลุงแท็กซี่อ่านอย่างนั้น)

มาถึงโรงแรมตอน 19.30น. ไม่มีพนักงานอยู่หน้าฟร้อนท์เลย ต้องสั่นกระดิ่งพนักงานจึงจะออกมารอรับเชคอิน

โรงแรมตั้งอยู่ระหว่างจุดที่ 20 และ 21 ของทะเลสาป ที่นี่สภาพค่อนข้างเก่า ราคาแพงกว่าที่พักในโตเกียวอีก มาเห็นของจริงช่างต่างกับรูปใน Agoda ซะยิ่งกะไร ห้องเป็นแบบเรียวกัง ปูที่นอนเอง มีฮีตเตอร์ตัวเล็กๆ ในห้องให้ 1ตัว ผ้าเช็ดตัวต้องเช่าเอา

แต่โดยรวมแล้วห้องก็กว้างขวางดี และตั้งอยู่ในจุดที่สามารถเห็นฟูจิได้เต็มลูก เป็นที่พักแค่คืนเดียวเท่านี้ก็โอเคแล้ว พรุ่งนี้มารอดูกันว่าจะได้เห็นฟูจิเต็มตา เต็มลูกอย่างที่บอกไว้รึเปล่า พรุ่งนี้เราจะไปเที่ยวรอบๆ ทะเลสาบคาวากุจิโกะกัน