แวะอ่านตอนที่ 2 ที่นี่จ้า >> เที่ยวเวียดนาม ตอนที่2 เที่ยวฮานอย
เช้าวันที่ 5 กันยายน 2556 วันนี้เรามีแพลนออกไปเที่ยวฮาลองเบย์ (Halong Bay) กัน เวลา 08.10 น. รถของบริษัททัวร์ก็มารับที่หน้าโรงแรม ไกด์ลงจากรถมารับพวกเราพร้อมกับแนะนำตัวว่าชื่อ ทอม (Tom) จริงๆแล้วไกด์เค้ามีชื่อเวียดนามอยู่ แต่ต้องแทนตัวเองให้ลูกทัวร์จำได้ง่ายๆ ไกด์ทอมพูดภาษาอังกฤษได้ดี ฟังง่ายมากเลย ขนาดเราฟังไม่ค่อยเก่งยังฟังออก
รถที่จะพาพวกเราไปเที่ยว เป็นรถมินิบัส ความห่างของแต่ละที่นั่งเรียกได้ว่าแคบเลยล่ะ สำหรับคนที่สูง 160 cm ขึ้นไปจะเริ่มลำบากละ เพราะนั่งแล้วขาจะติด โชคดีมากที่วันนี้คนในกรุ๊ปน้อย รถเลยโล่งๆ ต่างคนต่างจับจองที่นั่งเพื่อให้เหยียดขาได้ เพราะการเดินทางค่อนข้างใช้เวลานาน เนื่องจากที่เวียดนามจำกัดความเร็วในการขับรถได้ไม่เกิน 60 km/h หาที่นั่งให้สบาย จะได้มีแรงเที่ยวหนุกๆ นะจ๊ะ
เมื่อวนรับลูกทัวร์ทุกโรงแรมเรียบร้อยแล้ว ไกด์ก็เริ่มเกริ่นว่าวันนี้เราจะไปเที่ยวที่ไหนบ้าง การเดินทางเป็นยังไง ใช้เวลาเท่าไร พร้อมทั้งเล่าตำนานสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ในวันนี้ เป็นอินโทรให้พวกเรานึกภาพตาม เวลาไปเห็นของจริงจะได้อินมากขึ้น
สภาพอากาศวันนี้ฝนชุก คาดว่าคงอึมครึม และตกไปทั้งวัน
สองข้างทางมากมายไปด้วยนาข้าว ที่ชุ่มฉ่ำไปด้วยสายฝน พื้นที่ปลูกข้าวเค้าเยอะจัง ไม่แปลกใจเลยที่เวียดนามจะติดอันดับประเทศส่งออกข้าว อันดับต้นๆ
เดินทางมาได้ประมาณ 10 โมงกว่าๆ รถก็จอดแวะพัก ที่ร้านขายของที่ระลึก ให้เข้าห้องน้ำและจับจ่ายใช้สอยตามอัธยาศัย
บรรยากาศภายในร้าน…..ของที่ระลึกเวียดนาม ส่วนใหญ่จะเป็นงานฝีมือต่างๆ เช่น ผ้าปัก งานไม้ เสื้อผ้าอาภรณ์ต่างๆ
ยังไม่ทันถึงฮาลองเบย์ เราก็เสียทรัพย์ให้กับของที่ระลึกมา 1 ชิ้น ผ้าปัก เวียดนาม ผืนเล็ก ราคา 12 USD ราคาไทยก็ประมาณ 300 กว่าบาท จริงๆแล้วสามารถต่อราคาลงกว่านี้ได้อีกนะ แต่เราคิดไม่ทันในตอนนั้น 555
พาหนะของเราในวันนี้
จากจุดพักรถ นั่งต่อมาอีกพักนึง ประมาณเกือบๆ เที่ยง ก็ถึงท่าเรือที่จะพาเราไป Halong Bay กันแล้ว
หลังจากไกด์นัดรวมพล และซื้อตั๋วเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผ่านด่านค่าธรรมเนียมเดินมาขึ้นเรือกันได้เลยจ้า
บรรยากาศภายในเรือ กว้างขวาง นั่งสบาย
วันนี้คนน้อย โล่งสบาย
ขึ้นมาชมดาดฟ้าของเรือบ้าง
ออกเดินทางกันแล้ว……On the way to Halong Bay
อ่าวฮาลอง (Halong Bay) หรือภาษาเวียดนามเรียกว่า “Vinh Ha Long” ซึ่งแปลว่า อ่าวแห่งมังกรผู้ดำดิ่ง จากตำนานพื้นบ้านเมื่อในอดีตกาลนานมาแล้ว ระหว่างที่กองทัพเวียดนามกำลังต่อสู้กับกองทัพจีนที่เข้ามารุกราน เทพเจ้าก็ได้ส่งมังกรลงมาปกป้องแผ่นดินเวียดนาม และมังกรเหล่านี้ก็ได้ดำดิ่งลงสู่อ่าวฮาลอง ในปัจจุบัน
ออกเดินทางมาได้แป๊บนึง อาหารก็มาเสิร์ฟ……กับข้าวมากมายหลากหลาย มีทั้งหมด 10 อย่าง
กุ้งต้ม
หมูทอด
ผัดปลาหมึก
ไก่ทอด
เต้าหู้ทอด
ผัดผักบุ้งอย่างแท้จริง ไม่มีอย่างอื่นปนมาด้วยเลย มีแต่ผักบุ้ง
หอยตลับต้ม
เมนูนี้เราจำชื่อไม่ได้ แป้งๆ เส้นๆ มันๆ
ไข่เจียว
ปลาผัดกับต้นหอม
รสชาติกับข้าวค่อนไปทางจืดๆ ไม่มีรสเด่น แต่ก็ไม่เลวร้ายอะไร วันนี้คนน้อย แต่กับข้าวเยอะ นั่งกินไปจนถึงที่หมายก็ยังกินไม่หมดเลย เรื่องน้ำดื่มบนเรือ ค่อนข้างมีราคาสูง แต่ไม่ได้สูงมากจนเว่อร์ไป น้ำอัดลมราคากระป๋องละ 50-70 บาท ทางที่ดีควรพกน้ำเปล่าติดตัวไว้ก่อนการเดินทาง จะทำให้ประหยัดมากขึ้น ก่อนออกจากที่พัก ก็เอาน้ำขวดที่โรงแรมมีไว้ให้นั่นแหละติดตัวมาด้วย ประหยัดแน่นอนจ้า
ทานอาหารกลางวันเสร็จแล้ว เรือแล่นมาใกล้ถึงที่หมายแรก นั่นคือ หมู่บ้านชาวประมง Vung Vieng Fishing Village
ทิวทัศน์ เริ่มใกล้ชิดกับโตรกผาต่างๆ มากขึ้น
เดี๋ยวเราจะมุ่งหน้าตามเรือลำอื่นๆ เข้าไปที่ช่องผา ที่เห็นข้างหน้า
ทิวทัศน์แถวนี้ ให้อารมณ์เหมือนไป เที่ยวกระบี่ บ้านเราเหมือนกันนะ
ตามมาเลย…..Let’s go.
เริ่มเข้าสู่บรรยากาศ หมู่บ้านชาวประมง Vung Vieng Fishing Village
อุ๊ย!!! กลางทะเลก็มีร้านสะดวกซื้อเหมือนกันนะ 😀 ว่าแต่ใช่ร้านสะดวกซื้อรึเปล่า ชักไม่แน่ใจ !! หรือเป็นศาลเจ้ากันแน่
ถึงแล้ว หมู่บ้านชาวประมง Vung Vieng Fishing Village เรือมาจอดเทียบท่าที่นี่ สำหรับใครที่จองเรือคายัคไว้ ก็ลงพายเล่นที่นี่ได้เลยจ้า ส่วนใครที่ไม่อยากพาย เค้าก็มีเรือไม้ไผ่พร้อมคนพายไว้ให้บริการพายเรือพาชมลากูนด้วย ราคาคนละ 6 USD แต่สำหรับใครที่ไม่สนทั้งสองอย่าง ก็ไม่เป็นไรสามารถนั่งรอบนเรือได้ โดยนั่งรอประมาณ 1 ชม. จ้า
บริเวณท่าเทียบเรือมี อาหาร ขนม ผลไม้ ขายด้วย ใครไม่ลงเรือก็มานั่งรอ ซื้อหนมกินที่นี่ก็ได้นะ
ส่วนพวกเราก็ไม่ได้จองคายัคไว้ แต่เราจะนั่งเรือไม้ไผ่ไปชมบรรยากาศของลากูนกัน
ลงเรือแล้วจ้า เย้…..เย
เดี๋ยวเราจะลอดโพรงถ้ำนี้ เข้าไปชมลากูนกัน
พายตามเค้าไปเรื่อยๆ
ว๊าววว…..นั่นไง ลากูน
พายเข้ามาชมลากูนได้แป๊บนึง ฝนตกอีกแล้ว เลยต้องวนกลับออกไป
ฝนตกหนักขึ้นอีกเรื่อยๆ
พักหลบฝนที่หน้าทางเข้าลากูนนิดหน่อย รอฝนซาอีกนิด ค่อยออกเรือต่อ
ฝนซาแล้ว ออกซิ่งกันต่อ
พายกลับไปชมบรรยากาศ หมู่บ้านชาวประมง Vung Vieng Fishing Village กันบ้าง
ฝนเริ่มซาลงบ้างแล้ว
พายมาจนผ่านบ้านนี้ อยู่ดีๆ คนพายก็ชี้ และพูดออกมาว่า “สุยเสี่ยว” พอพวกเราหันไปมองคนพายว่าเค้าพูดกับเรารึเปล่า เค้าก็ชี้ไปที่เดิมแล้วก็พูดอีกว่า “สุยเสี่ยว” ได้คำศัพท์มาให้คับข้องใจอีกหนึ่งคำแล้ว เดี๋ยวคงต้องไปหาคำตอบอีกที 555 (ถามพนักงานที่โรงแรมว่า “สุยเสี่ยว” แปลว่าอะไร เค้าทำหน้างงเล็กน้อย แล้วก็บอกว่า “สุยเสี่ยว” คือ Sticky Rice สงสัยคนพายเรือจะบอกว่าบ้านนั้นขายข้าวเหนียวรึเปล่า 555)
ครบคอร์สชมวิวด้วยเรือไม้ไผ่เป็นที่เรียบร้อย เป็นอันต้องบอกลา หมู่บ้านชาวประมง Vung Vieng Fishing Village ที่หมายต่อไป เราจะไปชมความสวยงามของ ถ้ำเทียนกุง หรือถ้ำสวรรค์ กันต่อ
บ๊ายบาย…หมู่บ้านชาวประมง Vung Vieng Fishing Village
ระหว่างทางไปชมถ้ำเทียนกุง ไกด์เรียกให้พวกเรามาดูอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของ ฮาลองเบย์ (Halong Bay) นั่นคือ Kissing Rock หรือเกาะไก่ชน ซึ่งมีลักษณะเหมือนไก่หันหน้าเข้าหากัน ดูในบางมุมจะเหมือนกับไก่กำลังจูบกันอยู่ด้วย
ถึงแล้วทางเข้าถ้ำเทียนกุง หรือถ้ำสวรรค์
เดินขึ้นบันไดไปประเดี๋ยวหนึ่ง ประมาณขึ้นตึกสามชั้น ก็ถึงปากถ้ำแล้ว
ถ้ำด่งเทียนกุง (Dong Thien Cung) เป็นถ้ำขนาดใหญ่ ด้านในมีการจัดแสงสี เพิ่มความน่าสนใจให้กับหินงอกหินย้อยต่างๆ พร้อมทั้งมีทางสำหรับการเดินชมไว้ให้ด้วย
ไกด์ทอม บรรยายความเป็นมาของถ้ำเทียนกุง (Dong Thien Cung) มีตำนานเล่าขานกันมาว่า ภายในถ้ำแห่งนี้ มีมังกรแม่ลูกอาศัยอยู่
ภายในถ้ำเทียนกุง มีหินงอก หินย้อย มากมาย และมีเสาค้ำฟ้าซึ่งเกิดจากหินงอกและหินย้อยมาบรรจบติดกันจนกลายเป็นเสา
หินงอกและหินย้อยภายในถ้ำ มีรูปร่างต่างๆ มากมาย ตามแต่จินตนาการของคนจะมองเห็น อย่างรูปนี้ไกด์ทอมบอกว่า Big and Small Elephants from Thailand.
ส่วนนี่เป็น คิงคอง
ส่วนนี่น่ากลัวมาก เหมือนหัวมอนสเตอร์ตัวใหญ่ๆ โผล่มา
ตรงนี้สวยดี เหมือนเป็นเวที แล้วด้านหลังมีม่านน้ำ
ภายในถ้ำประดับไฟไว้หลากหลายสีสันมาก
อันนี้ไกด์บอกว่า Nipple หรือหัวนม นั่นเอง
ส่วนนี่คือหนุ่มโรมิโอ ที่แหงนคอมองหาจูเลียต
และนี่คือสาวจูเลียต ที่มองหาโรมิโอลงมาจากระเบียง
ออกจากถ้ำเทียนกุง มาชมวิวบริเวณท่าเทียบเรือ
จบคอร์ส ถ้ำเทียนกุง แล้ว เดินกลับไปขึ้นเรือเพื่อเดินทางกลับฝั่ง
กลับถึงฝั่งแล้ว บ๊ายบาย ฮาลองเบย์ (Halong Bay)
On the way to Hanoi……กลับบ้านเรา
ทางยังไม่ค่อยดี ต้องไปช้าๆ เรื่อยๆ
รถมาส่งถึงหน้าโรงแรมประมาณเกือบสองทุ่ม กลับมาเก็บของ ล้างหน้าล้างตา เข้าห้องมาพบกับใบพยากรณ์อากาศของวันพรุ่งนี้ ทางโรงแรมนำมาวางไว้ให้ทุกวันเลย
เดินออกจากที่พัก เลียบทะเลสาบมาเรื่อยๆ แวะถ่ายรูปวัดหง็อกเซินยามค่ำคืน
หอคอยเต่า หรือที่เรียกว่า ท้าปสั่ว (Thap Rua)
หอคอยเต่า
มื้อเย็นวันนี้ มาลองทานเฝอ หนึ่งในอาหารที่ต้องลองเมื่อมาถึงเวียดนาม โดยเราเลือกร้านที่ใกล้ที่พักเราที่สุด และหวยก็มาออกที่ร้าน Pho24 ซึ่งตั้งอยู่บริเวณทะเลสาบฮหว่านเกี๊ยม
ผักเครื่องเคียง…..สงสัยเรามาดึกไปหน่อย ผักเลยดูเหี่ยวๆ นิดหน่อย ดูไม่ค่อยสดชื่น
เมนูที่เราสั่งคือ เฝอไก่ รสชาติก็พอใช้ได้นะ ไก่เหนียวไปนิดนึง
อันนี้เฝอเนื้อ
พวกเราสั่งอาหารอย่างอื่นมาลองด้วย ทุกชิ้นในจานกินแล้วเนี๊ยววว เหนียว สงสัยเราจะมาดึกจริงๆ
ของหวานที่มาในเช็ต เป็นโยเกิร์ต
ที่ร้านยังมีเฝอกึ่งสำเร็จรูปขายด้วย
โดยรวมแล้วรสชาติอาหาร ความเห็นส่วนตัวของเรา เราว่าไม่อร่อยเท่าไร
กินเฝอแล้วไม่ค่อยอิ่ม ตระเวนหาของกินเพิ่มดีกว่า…..เสียงลือ เสียงเล่าอ้างอีกแล้ว บอกว่ามาเที่ยวฮานอยทั้งที ต้องได้ลองหลากหลายเมนูหอย ออกจากร้าน Pho24 พวกเราเดินหาร้านหอยมาเรื่อยๆ แต่ไม่เจอสักที ดันมาโผล่ที่ย่านหรูหราแทน ดูจากถนนหนทางแล้วไม่น่ามีหอยมาตั้งขายแน่ๆ เราจึงเดินย้อนกลับไปทางทะเลสาบฮหว่านเกี๊ยม
ระหว่างทางเดินริมทะเลสาบ เราเห็นผู้ชายคนหนึ่งยืนพิงอิงแอบหลบอยู่ที่เสาในมุมมืด ในใจเราก็แอบกลัวนะ คิดแง่ร้ายไปเองว่าตอนเราเดินผ่านเค้าจะโผล่มาชาร์ตเรารึเปล่า แต่พอเดินผ่านไปใกล้ๆ ภาพที่เห็นคือ ชายสองคนยืนจับมือกัน พิงเสาอยู่ในมุมมืด เราเห็นแบบนั้นแล้วเขินเลย พยายามทำเป็นมองไม่เห็นโดยถือร่มบังเอาไว้ แต่ก็แอบหันไปมองนิดหน่อย แจ็กพ็อตแตก เค้าทั้งสองจูบกันพอดี……เฮ้อออ ปลอดภัยแล้วเรา สิ่งที่คิดไว้ไม่ใช่อย่างที่คิดเลย สำคัญตัวผิดจริงๆ 5555
สุดท้ายก็เดินมาแถวย่านที่พัก สองข้างทางเต็มไปด้วยร้านหอย คึกคักเป็นพิเศษ
เลือกร้าน หาที่นั่งได้แล้ว แม่ค้าเอาน้ำจิ้ม และผักแกล้มมาเสิร์ฟ
หน้าตาของน้ำจิ้มหอยแบบใกล้ๆ เท่าที่เห็นประกอบไปด้วย มะนาว พริก กระเทียม และก็ผงๆ อะไรสักอย่าง รสชาติปะแล่มๆ แต่ก็พอกินได้ แต่น้ำจิ้มซีฟู้ดไทยรสชาติชนะเลิศกว่าแน่นอนจ้า
หลากหลายเมนูหอยที่สั่งมา
กินกันเสร็จสรรพ เรียกเก็บเงิน เราจำราคาทั้งหมดได้ไม่แม่น แต่จำได้ว่ามีอยู่สองจาน เราโดนคิดราคา จานละ 200 บาท ซึ่งราคาสูงมาก แต่เราก็จ่ายไปด้วยดี ไม่ได้โวยวายอะไร พอมาหาดูข้อมูลในอินเทอร์เน็ต ส่วนใหญ่ราคาจานละประมาณ 90 บาท แต่เราโดนไป 200 บาท…..เรียกได้ว่าเดินหัวแบะกลับโรงแรมกันไปในวันนั้น
เฝอก็แล้ว หอยก็แล้ว ก็ยังไม่อิ่ม เดินมาเจอ Lotteria เลยแวะมาจบมื้อเย็นของวันนี้ที่นี่
อิ่มหนำสำราญกับการเที่ยวฮาลองเบย์ ถ้ำด่งเทียนกุง และหมู่บ้านชาวประมง Vung Vieng Fishing Village และโดนร้านหอยฟันราคาแบบเจ็บนิดๆ พอเป็นประสบการณ์ พรุ่งนี้เรามีแพลนไปเที่ยวฮาลองบก ฮวาลือ ตามก๊อก กัน วันนี้บ๊ายบายไปก่อนจ้าาาา
ดูบันทึกการท่องเที่ยวเวียดนามย้อนหลัง ที่นี่
เที่ยวเวียดนาม ตอนที่ 1 วางแผนเที่ยว
เที่ยวเวียดนาม ตอนที่2 เที่ยวฮานอย
เที่ยวเวียดนาม ตอนที่3 ฮาลองเบย์ ถ้ำเทียนกุง หมู่บ้านชาวประมง Vung Vieng Fishing Village
เที่ยวเวียดนาม ตอนที่4 ฮาลองบก (นิงห์บิงห์) ฮวาลือ ตามก๊อก Hoa Lu Tam Coc
เที่ยวเวียดนาม ตอนที่6 พระราชวังฤดูร้อนจักรพรรดิเบ๋าได๋ วัดตั๊กลัม ทะเลสาบ Tuyen Lam น้ำตกดาตันลา
เที่ยวเวียดนาม ตอนที่7 เที่ยวมุยเน่ แฟรี่สตรีม หมู่บ้านชาวประมง ทะเลทรายขาว ทะเลทรายแดง
เที่ยวเวียดนาม ตอนที่8 เที่ยวโฮจิมินห์
เที่ยวเวียดนามเหนือ เวียดนามใต้ by DeeryArch.me