แวะอ่านตอนที่ 7 ที่นี่จ้า >> เที่ยวเวียดนาม ตอนที่7 เที่ยวมุยเน่ แฟรี่สตรีม หมู่บ้านชาวประมง ทะเลทรายขาว ทะเลทรายแดง
หลังจากที่เมื่อคืน นอนหลับสบายมาในรถนอน เดินทางจากมุยเน่สู่ปลายทางโฮจิมินห์ วันที่ 10 กันยายน 2556 รู้สึกตัวลืมตาตื่นขึ้นมาราวๆ หกโมงเช้า ค่อยๆ ลืมตาชมบรรยากาศรถนอน และเดอะแก๊งค์รอบๆข้าง ว่ามีใครตื่นบ้างแล้วรึยัง
ประสบการณ์จากการนอนบนรถนอนตลอดทั้งคืน หลับสบายดีนะ มีลืมตาขึ้นมาบ้างตอนรถเบรกในบางที ที่นอนแต่ละที่มีหมอน ผ้าห่ม เข็มขัดนิรภัย ช่องเก็บของตรงที่วางเท้า ที่นอนมีขนาดพอประมาณ ไม่แคบจนเกินไป เดอะแกงค์เราที่เป็นผู้ชายสูง 180 cm ก็บอกนอนได้สบาย ไม่มีปัญหา
เวลาประมาณ 06.30 น. รถเริ่มแล่นเข้าสู่ตัวเมืองโฮจิมินห์……Good Morning Ho Chi Minh บรรยากาศเมืองโฮจิมินห์ยามเช้า ผู้คนเริ่มออกมาทำงาน ใช้ชีวิต รถมอเตอร์ไซค์วิ่งกันขวักไขว่ เสียงแตรรถ ปิ๊นๆ แป๊นๆ ตอนนี้เริ่มชินกับเสียงนี้เสียแล้ว กว่าจะชินก็เข้าสู่วันสุดท้ายนี่แหละ 555
หลังจากลงจากรถนอนแล้ว พวกเราก็โบกแท็กซี่ตรงดิ่งมาที่โรงแรม Tan Hai Long Hotel ทำเลดีมาก อยู่ใกล้ตลาดเบิ๊นถั่นมากๆ แบบข้ามถนนก็ถึงเลย สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมของโรงแรมโฮจิมินห์แห่งนี้ เราเขียนรีวิวแบบละเอียดๆ ไว้ เข้าไปดูได้ที่นี่เลยจ้า >> รีวิวที่พักเวียดนาม ที่พักโฮจิมินห์ Tan Hai Long Hotel
เนื่องจากที่โรงแรมให้เช็คอินได้เวลา 14.00 น. ตอนนี้เพิ่งจะ 07.00 น. เหลือเวลาอีกหลายชั่วโมงมาก พวกเราจึงฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรม เข้าห้องน้ำ ล้างหน้า แปรงฟัน เรียบร้อยแล้ว จากนั้นเรามาหามื้อเช้าทานกันที่ตลาดเบิ๊นถั่น หรือที่คนไทยนิยมเรียกว่าตลาดเบ่นถัน นั่นเอง
ตลาดเบิ๊นถั่น (Ben Thanh Market) หรือที่คนไทยเรียกกันติดปากว่า ตลาดเบ่นถัน เป็นตลาดเก่าที่มีมาตั้งแต่สมัยที่เวียดนามยังอยู่ใต้อาณานิคมของฝรั่งเศส มีหอนาฬิกาตั้งอยู่ด้านหน้าเป็นสัญลักษณ์ ปัจจุบันเป็นแหล่งค้าขายสินค้าที่หลากหลาย ตั้งแต่อาหาร ของฝาก ดอกไม้ ของสด เครื่องเทศ เสื้อผ้า และอื่นๆ มากมายจิปาถะ
ในตอนแรก เราก็เรียกว่า เบ่นถัน เฉกเช่นคนไทยคนอื่นๆ เหมือนกัน เมื่อมีเหตุการณ์ที่ต้องโบกแท็กซี่กลับไปตลาด Ben Thanh แล้วบอกกับคนขับว่า เบ่นถันมาร์เก็ต หลังจากนั้นคนขับพาไปไหนไม่รู้ จนเรารู้สึกว่า ระยะทางตอนเรามาไม่ไกลขนาดนี้นะ จนคนขับเองก็ไม่แน่ใจหันมาถามว่าเราไปไหน เราจึงเอากระดาษที่มีชื่อสถานที่ให้คนขับดู จากนั้นก็ถึงบางอ้อ…คนขับบอกว่า ตลาดที่เราจะไปเรียก “เบิ๊นถั่น” ส่วน “เบ่นถัน” มันอยู่ฟากกะนู้นนนนน 5555 จากนั้นมาเราก็เรียก “เบิ๊นถั่น” กันมาตลอด สำเนียงได้เป๊ะขึ้นมาทันที
เดินเข้ามาด้านในๆ ของตัวตลาด จะมีโซนร้านอาหารมากมายหลายร้าน เลือกนั่งกันได้ตามอัธยาศัยเลย
พวกเราเดินวนอยู่สองรอบ ก็มาตกลงกันที่ร้านนี้
มื้อเช้าวันนี้ เราสั่งก๋วยเตี๋ยววุ้นเส้นปู รสชาติอร่อยดีนะ เช้าๆ ได้อาหารร้อนๆ สดชื่น คล่องคอดี เมนูอื่นๆ ทางร้านนี้ก็มีนะ อีกเมนูนึงที่อร่อยมากคือ บุ๋นจ่า อร่อยจนเราต้องมาเบิ้ลตอนเย็นอีกรอบ แต่รอบเย็นหมดไปเสียก่อน……
หลังจากทานมื้อเช้าเสร็จแล้ว เราก็เริ่มออกเที่ยวโฮจิมินห์กันทันที เริ่มเที่ยวที่แรกกันที่ พิพิธภัณฑ์ทหารและสงครามเวียดนาม (War Remnants Museum) โดยพวกเราเปิด Google Map และค่อยๆ เดินจากตลาด Ben Thanh ชมวิวไปเรื่อยๆ
พิพิธภัณฑ์ทหารและสงครามเวียดนาม (War Remnants Museum) เป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงเรื่องราวของสงครามเวียดนาม
ภายในจัดแสดงอาวุธในการทำสงคราม พร้อมจัดแสดงภาพถ่ายสะท้อนเรื่องราว และถ่ายทอดความรู้สึกของสภาวะสงครามในขณะนั้น
ส่วนจัดแสดงภายใน นอกจากจะมีอาวุธยุทโธปกรณ์แล้ว ยังมีการจัดแสดงภาพถ่ายของช่างภาพสงครามชาวต่างชาติ หลายๆ ภาพดูแล้วสะท้อนอารมณ์ ความรู้สึกของบุคคลที่อยู่ในภาพได้เป็นอย่างมาก จ้องมองเข้าไป ยิ่งทำให้เราจินตนาการได้อย่างไม่ยาก ว่าหากเราเจอเหตุการณ์แบบในภาพนั้น เราจะรู้สึกเช่นไร
ช่างภาพสงครามชาวญี่ปุ่น
ความหวั่น หวาดกลัว ของชาวบ้านที่ไร้อาวุธ เพราะรู้ดีว่าต่อจากนี้ชะตาชีวิตของตนจะเป็นเช่นไร
ไม่ว่าจะเด็กหรือคนชรา มีสภาพที่ไม่ต่างไปจากกัน หลังจากที่ช่างภาพได้ถ่ายภาพนี้เสร็จ เขาก็หันหลังจากไปพร้อมได้ยินเสียงปืน มันช่างหดหู่ยิ่งนัก
สงครามไม่เคยให้ประโยชน์กับใคร และไม่เคยปราณีผู้ใด
ไทยเราก็เข้าร่วมสงครามในครั้งนี้ด้วยนะ
ทั้งนี้ภายในพิพิธภัณฑ์ ยังมีส่วนจัดแสดงเกี่ยวกับ Agent Orange หรือฝนเหลือง สารพิษที่ทางสหรัฐอเมริกานำมาโปรยลงในเขตพื้นที่ป่า และพื้นที่ทำการเกษตรของเวียดนาม สารเคมีนี้มีผลทำให้ต้นไม้ทิ้งใบ เปิดเผยที่ซ่อนของพวกเวียดกง ทำให้อเมริกาหาพวกเวียดกงที่หลบหนีเข้าไปอยู่ในป่าได้
สารพิษเหล่านี้ ส่งผลร้ายต่อสุขภาพอย่างมาก เป็นสาเหตุให้ชาวเวียดนามเสียชีวิตนับแสนคน อีกทั้งยังมีผลต่อพันธุกรรม ทำให้ทารกที่กำเนิดมามีความพิกลพิการ
นอกจากนั้นยังมีส่วนจัดแสดงภาพถ่าย อธิบายถึงการฟื้นฟูประเทศหลังภาวะสงครามด้วย
บริเวณส่วนจัดแสดงชั้นล่างสุด บ่งบอกถึงการประกาศเอกราชของประเทศเวียดนาม
สถานที่แห่งนี้ มีชาวต่างชาติให้ความสนใจเยอะมากๆ เราคิดว่าอย่างน้อยก็คงมีชาวอเมริกันที่ได้มาเที่ยวที่แห่งนี้บ้าง…..ประวัติศาสตร์ เรื่องราวต่างๆ ที่ได้ผ่านมา ได้กลายเป็นอดีตไปแล้ว ปัจจุบันผู้คนได้ศึกษาประวัติและทำความเข้าใจมากขึ้น เราค่อนข้างมั่นใจหน่อยนึงล่ะว่า ตอนนี้คงไม่มีใครมาตั้งแง่แอนตี้ รังเกียจเดียดฉันท์กันสักเท่าไรแล้ว
อดีตที่เคยขมขื่น ควรศึกษาและจดจำเอาไว้ เพื่อไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก ลืมความเกลียดชังแล้วก้าวไปข้างหน้า เปลี่ยนจากความโกรธเคือง มาเป็นว่าทำอย่างไร เราถึงจะพัฒนาและมีคุณค่าได้เทียบเท่าผู้ที่เจริญแล้วดีกว่า
ออกมาดูส่วนจัดแสดงภายนอกกันบ้าง
ทางด้านข้างของพิพิธภัณฑ์ยังมีส่วนจัดแสดงห้องคุมขังของนักโทษการเมืองสำคัญๆ ที่ถูกทางรัฐบาลเวียดนามใต้(ในการควบคุมของสหรัฐอเมริกา) นำมาจองจำไว้ โดยจำลองบรรยากาศของคุกในเกาะ Con Son ในหมู่เกาะ Con Dao เอาไว้ให้ชมด้วย
ลักษณะห้องขังมีประตูทางเข้าด้านล่าง
ส่วนผู้คุม จะยืนดูนักโทษจากด้านบนนี้ ผ่านช่องตะแกรง
บนหลังคามีค้างคาวตัวเป็นๆ ด้วยง่ะ !!
นอกจากนั้นยังมีห้องคุมขังที่เรียกว่า Tiger Cages ไว้สำหรับนักโทษคนสำคัญด้วย
จากนั้นมาในส่วนของการจัดแสดงวิธีการสืบสวน และการทรมานในรูปแบบต่างๆ ที่ทหารอเมริกันใช้กับพวกเวียดกง
เครื่องประหารกิโยติน ที่นำเข้าโดยฝรั่งเศส โดยในช่วงสงครามเวียดนาม ได้ใช้กิโยตินในการประหารนักโทษทางการเมืองด้วย
หลังจากเที่ยวพิพิธภัณฑ์สงครามเวียดนามเสร็จแล้ว จุดหมายต่อไปเรามาต่อกันที่ โบสถ์นอร์ทเธอดาม (Notre Dame Cathedral)
โบสถ์นอร์ทเธอดาม (Notre Dame Cathedral) ในโฮจิมินห์แห่งนี้ จำลองการก่อสร้างมาจาก โบสถ์นอร์ทเธอดามในฝรั่งเศส สร้างในสมัยที่เวียดนามยังอยู่ภายใต้การปกครองของฝรั่งเศสอยู่
สร้างตามแบบสถาปัตยกรรมตะวันตก สไตล์นีโอโรแมนซ์ (Neo-Roman)
ภายในโบสถ์ใหญ่โต อลังการ
โบสถ์นอร์ทเธอดาม เป็นโบสถ์คาทอลิกขนาดใหญ่ที่สุดของเวียดนาม อายุอานามราวๆ 100 ปี เห็นจะได้
มาชมความงามด้านนอกตัวโบสถ์กันบ้าง
บริเวณรอบๆ โบสถ์นอร์ทเธอดาม มีว่าที่เจ้าบ่าว เจ้าสาว หลายๆ คู่ นิยมมาถ่ายรูป pre-wedding กัน
บรรยากาศอบอวลไปด้วยรอยยิ้ม และความสุข ของคู่บ่าวสาว
นอกจากคู่บ่าวสาวแล้ว ยังมีสาวๆ ที่เหมือนจะเพิ่งออกมาจากงานจบการศึกษา ใส่ชุดอ๋าวหญ่าย เดินมาพร้อมตากล้องส่วนตัว เรากะจะถ่ายแคนดิดของพวกเธอขณะข้ามถนน แต่หนึ่งในนั้นเธอตาดี แถมยังโปรเฟสชั่นนอล เห็นว่าเรากำลังจะถ่ายรูปของพวกเธอ เธอก็ยิ้มกว้างมาให้…..น่ารักมากๆ
พวกเรานั่งพักทานไอศกรีมวอล ข้างๆ โบสถ์นอร์ทเธอดาม บังเอิญมีแม่ค้าหาบขนมมาขายมากมาย มีทั้งวาฟเฟิล และกล้วยทับแผ่นๆ แบนๆ แบบนี้ เราก็ไม่พลาดขอซื้อมาลองชิมสักหน่อย วาฟเฟิลก็อร่อยดีนะ ส่วนกล้วยก็เหมือนจะดี แต่สำหรับเราเราชอบกล้วยทับราดน้ำหวานๆ แบบเมืองไทยมากกว่า……แต่สำหรับนางงามกล้วยทับคนนี้ เธอชอบมาก เราเลยยกให้เธอไปกินหมดเลย……ขอขอบพระคุณพรีเซนเตอร์ นางงามกล้วยทับมา ณ ที่นี้จ้า
ข้ามถนนมาอีกฝั่ง ซึ่งอยู่ตรงด้านข้างโบสถ์นอร์ทเธอดาม เป็นกรมไปรษณีย์กลาง โฮจิมินห์ อาคารหลังนี้สร้างในสไตล์ฝรั่งเศสอีกเช่นกัน เป็นอาคารไปรษณีย์แห่งแรกและใหญ่ที่สุดในเวียดนาม
ด้านในเป็นห้องโถงกว้าง ตกแต่งด้วยรูปอดีตผู้นำโฮจิมินห์
มีตู้โทรศัพท์ให้บริการ นอกจากนั้นยังมี ATM และโปสการ์ด แสตมป์ ของที่ระลึกขายด้วย
เดินออกจากกรมไปรษณีย์กลางโฮจิมินห์ ออกมาทางซ้ายมือ เพื่อจะซื้อน้ำเปล่า ในร้าน shop & go นี้ พอเข้าไปแล้วเห็นสินค้าไทยเยอะมาก เช่น ขนม มาม่า ส่วนน้ำเปล่าที่นี่ก็ขายถูกกว่าที่อื่นๆ ด้วย Amazing!!
ต่อจากโบสถ์และกรมไปรษณีย์กลางแล้ว เรามาเที่ยวชมอนุสาวรีย์ของลุงโฮจิมินห์กันที่ จัตุรัสโฮจิมินห์ (Ho Chi Minh City Hall)
จัตุรัสโฮจิมินห์ เป็นจุดนัดพบที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของโฮจิมินห์ อนุสาวรีย์โฮจิมินห์ตั้งอยู่หน้าตึกศาลาว่าการของเมืองโฮจิมินห์ ซึ่งก่อสร้างในสไตล์ฝรั่งเศส
จุดหมายต่อไป มาเดินเล่น ช้อปปิ้งต่อกันที่ Saigon Square
ที่นี่มากมายไปด้วยเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า ในราคาที่ย่อมเยา
ข้อดีของที่นี่คือ ติดแอร์ เย็นสบาย แถมสินค้ายังเยอะมาก
เสร็จสรรพจากการช้อปปิ้งที่ Saigon Square ขณะนี้เวลาประมาณสี่โมงเย็น กลับไปโรงแรมเอาของไปเก็บและไปเช็คอินกันเถอะ
บรรยากาศระหว่างทางในเมืองโฮจิมินห์
เคล็บลับผิวสวยของสาวๆ เวียดนาม แม้จะแว๊นซ์มอไซค์ทุกวัน แต่ UV ไม่ได้กินฉันหรอกจ้าาา
เช็คอินเรียบร้อย สำรวจห้องพัก เปิดหน้าต่างออกไปดู เห็นวิวใจกลางเมืองโฮจิมินห์เลย
หลังจากเช็คอินเสร็จ ลงมาเดินเล่นสำรวจพื้นที่รอบๆ โรงแรมเสียหน่อย บริเวณโรงแรมเป็นแยกวงเวียนที่อยู่ตรงตลาดเบิ๊นถั่นพอดี รถรามากมายขวั่กไขว่มากๆ
แค่ชั่วครู่ ฝนก็เทลงมาอย่างหนักไม่ขาดสาย
ออกกำลังกายกันด้วยความมุ่งมั่น ฝนตกเราก็ไม่หวั่น ไม่หนีไปไหน
ฝนยังไม่หยุดตกสักที พวกเราจัดสินใจโบกแท็กซี่ฝ่าฝน ไปหามื้อเย็นทานกันแถวๆ Saigon Square เป็นร้านปิ้งย่างสไตล์ญี่ปุ่นชื่อว่า Uraetei BBQ Yakiniku อยู่ถัดจาก Saigon Square ไปแค่สองล๊อคเท่านั้นเอง
เนื้อ หมู ไก่ ที่นี่อร่อยมากเลย หากมีโอกาสก็อยากกลับไปกินอีกนะ สำหรับใครที่อยากรู้รายละเอียดร้านนี้เพิ่มเติม เราเคยเขียนรีวิวไว้ ตามไปอ่านได้เลยจ้าาา >> รีวิวร้านอาหารโฮจิมินห์ Uraetei Yakiniku ร้านปิ้งย่างเวียดนามสไตล์ญี่ปุ่น
ทานมื้อเย็นอิ่มแล้ว มาเดินตลาดกลางคืนข้างๆ Ben Thanh Market
พิกัดอยู่ข้างๆ โรงแรมเลย สะดวกมากๆ
ปิดท้ายทริปเวียดนาม ไปด้วยความหลากหลาย ทั้งสถานที่ท่องเที่ยวและผู้คน ทริปนี้เป็นการมาท่องเที่ยวประเทศที่มีระบบการปกครองแบบคอมมิวนิสต์เป็นครั้งแรก ตั้งแต่เหยียบแผ่นดินที่ฮานอย และเที่ยวเรื่อยๆมา จาก ฮาลองเบย์ ฮาลองบก ตามก๊อก ดาลัต มุยเน่ และปิดท้ายที่โฮจิมินห์ ผู้คนไม่ได้ซีเรียสอย่างที่เราคิดไว้เท่าไร แถมยังดูเหมือนสบายๆ ไม่คิดอะไรมาก แต่ทุกคนค่อนข้างมีความขยันและคล่องตัวในการใช้ชีวิตมากๆ 8วันนี้สนุกมากมาย มีทั้งความประทับใจ ความสนุก ความเซ็ง อะไรต่อมิอะไรให้ไปเล่าต่อได้เยอะแยะ ^_^ โดยรวมถือว่าคุ้มค่าและสนุกดีที่ชีวิตนี้ได้ไปเที่ยวเวียดนามกะเค้าบ้างแล้ว…..เย่ \\^0^//
ดูบันทึกการท่องเที่ยวเวียดนามย้อนหลัง ที่นี่
เที่ยวเวียดนาม ตอนที่ 1 วางแผนเที่ยว
เที่ยวเวียดนาม ตอนที่2 เที่ยวฮานอย
เที่ยวเวียดนาม ตอนที่3 ฮาลองเบย์ ถ้ำเทียนกุง หมู่บ้านชาวประมง Vung Vieng Fishing Village
เที่ยวเวียดนาม ตอนที่4 ฮาลองบก (นิงห์บิงห์) ฮวาลือ ตามก๊อก Hoa Lu Tam Coc
เที่ยวเวียดนาม ตอนที่6 พระราชวังฤดูร้อนจักรพรรดิเบ๋าได๋ วัดตั๊กลัม ทะเลสาบ Tuyen Lam น้ำตกดาตันลา
เที่ยวเวียดนาม ตอนที่7 เที่ยวมุยเน่ แฟรี่สตรีม หมู่บ้านชาวประมง ทะเลทรายขาว ทะเลทรายแดง
เที่ยวเวียดนาม ตอนที่8 เที่ยวโฮจิมินห์
เที่ยวเวียดนามเหนือ เวียดนามใต้ by DeeryArch.me