แวะอ่านตอนที่ (5) ที่นี่จ้า >> เที่ยวญี่ปุ่น ซากุระ (5) เที่ยวเกียวโตด้วยตัวเอง ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ เสาโทริอิหมื่นต้น วัดน้ำใส คิโยมิสึเดเระ ย่านกิออน
Kyoto Tourist 1-Day Pass
เช้าวันนี้เราจะไปเที่ยวกันที่เกียวโตอีกหนึ่งวัน ออกจาก Shin-Osaka ด้วย JR Tokaido-San-Yo Line
Rapid [30 Min] ¥ 820 ลงที่สถานี Kyoto แวะซื้อ Kyoto Tourist 1-Day Pass ที่ Kyoto Tourist Information Center สำหรับใช้ขึ้นรถเมล์ติดตัวไว้ก่อน จากนั้น นั่ง JR San-In Line [17 Min] ลงที่ Saga-Arashiyama ซึ่งเป็นจุดหมายแรก วันนี้เราเริ่มต้นท่องเที่ยวกันที่ขบวนรถไฟสายโรแมนติกกัน
Saga-Arashiyama
เมื่อถึงสถานี Saga-Arashiyama แล้ว จะยังไม่ถึงสถานีรถไฟสายโรแมนติก ต้องออกมาทางข้างๆสถานี เดินตามป้ายบอกทางไปเรื่อยๆ
Saga-Arashiyama
เดินตรงมาเจอป้ายนี้ เลี้ยวซ้ายโลดเลยจ้า
Saga-Arashiyama
เดินเลี้ยวซ้ายมาแล้ว ให้เดินตามทางที่เห็นในภาพ ตรงไปเรื่อยๆ จะเจอกับสถานีรถไฟสายโรแมนติก ระยะทางค่อนข้างไกลนิดนึง แนะนำให้เผื่อเวลาในการเดินมาด้วยนะจ๊ะ เรามาถึงเวลาฉิวเฉียดอีกตามเคย ไม่แคล้วต้อง 4×100 ตับแลบ แต่เช้าอีกแล้ว
Saga-Arashiyama
สภาพระหว่างทาง 4×100 เห็นสถานีสีน้ำตาลอยู่ลิบๆ แล้ว วิ่งๆๆๆๆให้ทันรถเที่ยวเก้าโมงให้จงได้ ตอนนี้ก็ 08.57 แล้วสินะ กรี๊ดดดดด >,<
รถไฟสายโรแมนติก Romantic Train Sagano
โอ๊ยเหนื่อยมาก มาถึงสถานีแล้ว รถไฟมาจอดเทียบท่าคนทยอยขึ้นจนจะเต็มแล้ว โชคดีมากพวกเราได้ตั๋วเป็นสี่ใบสุดท้ายพอดิบพอดี
รถไฟสายโรแมนติก Romantic Train Sagano
รถไฟออกแล้ว สักพักจะมีเจ้าหน้าที่ใส่หน้ากากญี่ปุ่นเดินออกมาตรวจตราและสร้างบรรยากาศ
รถไฟสายโรแมนติก Romantic Train Sagano
รถไฟวิ่งลัดเลาะไปตามภูเขา โดยมีแม่น้ำขนานไปด้วยตลอดทาง น้ำค่อนข้างไหลแรงเลย
รถไฟสายโรแมนติก Romantic Train Sagano
รถไฟสายโรแมนติก Romantic Train Sagano
ระหว่างทางรถไฟแล่นผ่านสะพานของ ทางรถไฟสาย Sagano Line ด้วย ที่เห็นในภาพไกลๆ นั่นเอง ^^
รถไฟสายโรแมนติก Romantic Train Sagano
ทางรถไฟสาย Sagano Line
รถไฟสายโรแมนติก Romantic Train Sagano
ถ้าจำไม่ผิดเส้นทางรถไฟสายโรแมนติกแห่งนี้ เป็น 1 ใน Location ของภาพยนตร์ญี่ปุ่นเรื่อง The Village Album ด้วย หากใครได้ดูภาพยนตร์มาก่อนที่จะได้มาเที่ยว คงจะยิ่งซาบซึ้งกับบรรยากาศสองข้างทางอย่างมากเลย ^^
The Village Album
นี่ก็เป็นภาพตัวอย่างของภาพยนตร์ เผื่อใครอยากจะหามาดู เป็นหนังที่ค่อนข้างดีนะ ดูแล้วกินใจ เราชอบมาก
รถไฟสายโรแมนติก Romantic Train Sagano
กลับมาเข้าเรื่องท่องเที่ยวกันต่อดีกว่า ตลอดสองฝั่งตลอดทางที่รถแล่นผ่านมา บรรยากาศค่อนข้างดีเลย แต่น่าเสียดายมากๆ ที่ซากุระยังไม่บานเนื่องจากอากาศยังเย็นมากอยุ่ เลยอดเห็นซากุระเลย
รถไฟสายโรแมนติก Romantic Train Sagano
รถไฟมาสุดสายที่ Torokko Saga ใช้เวลาเดินทางท่องเที่ยวประมาณ 30 นาที และนี่คือหน้าตาของหัวรถจักรขบวนรถไฟสายโรแมนติกที่เรานั่งท่องเที่ยวกันมาตะกี๊
ป่าไผ่ Sagano
จากสถานี Torokko Saga สุดสายปลายทางของรถไฟสายโรแมนติกตะกี๊ เดินขึ้นมาทางข้างๆสถานี ชมป่าไผ่ Sagano
ป่าไผ่ Sagano
สองข้างทางเดินประกอบไปด้วยต้นไผ่สูงชะลูด เป็นทัศนียภาพที่สวยและแปลกตาอีกที่หนึ่ง
ป่าไผ่ Sagano
เดินเข้ามาเที่ยวป่าไผ่ ให้ความรู้สึกว่าตัวเองเป็นนินจาเหมือนในหนังยังไงก็ไม่รู้ คิดไปเองอย่างไร้เหตุผล 555
ป่าไผ่ Sagano
ป่าไผ่ Sagano
ป่าไผ่ Sagano
ป่าไผ่ Sagano
ป่าไผ่ Sagano
เดินเที่ยวป่าไผ่ Sagano ระยะทางไม่ไกล ใช้เวลาไม่นาน
ป่าไผ่ Sagano
เดินออกจากป่าไผ่มานิดหน่อยก็เจอกับสวนหนึ่ง เราไม่รู้ว่าชื่ออะไร มีดอกไม้เต็มไปหมดเลย ที่สำคัญมีซากุระที่เริ่มบานแล้วด้วย เราเลยเดินเข้าไปเที่ยวชมซะหน่อย
ป่าไผ่ Sagano
ดอกไม้เต็มเลย ได้เห็นซากุระใกล้ๆแล้ว ดีใจๆ ^^
ป่าไผ่ Sagano
ป่าไผ่ Sagano
ป่าไผ่ Sagano
กลายเป็นวันที่บ้าถ่ายดอกไม้มากๆ เยอะดีจริง
ป่าไผ่ Sagano
ป่าไผ่ Sagano
ป่าไผ่ Sagano
แม้แต่กลีบร่วงๆ ก็ยังสวย เสียดายเลนส์ที่มีอยู่ มาโครได้เพียงเท่านี้ 555
ป่าไผ่ Sagano
ป่าไผ่ Sagano
ป่าไผ่ Sagano
ดอกไม้ริมทางข้างๆรั้ว สีสวยถูกใจ
ป่าไผ่ Sagano
เดินออกมาตามทางเรื่อยๆ
ป่าไผ่ Sagano
บริเวณทางออกอีกฝั่งของ ป่าไผ่ Sagano มีร้านค้ามากมาย และมีบริการรถลากนำเที่ยวชมป่าไผ่ด้วย อันที่จริงแล้วทางนี้คงเป็นทางเข้าหลัก เพราะพวกเราเที่ยวกันแบบย้อนศรมาตั้งแต่แรกเริ่มแล้ว
ป่าไผ่ Sagano
ออกมาจากป่าไผ่ หันกลับไปมองอีกครั้ง บ๊ายบาย ป่าไผ่ Sagano
จากนั้นเราก็เดินไปขึ้น JR สถานีที่ใกล้ที่สุดได้แก่ JR Saga-Arajima ไปลงที่ JR Enmachi (แต่คนญี่ปุ่นที่เราไปถามเค้าอ่านว่า Enmac – เอ็นหมัก)
JR Enmachi Station
ถึงสถานี JR Enmachi Station แล้ว เราต้องนั่งรถเมล์เพื่อที่จะต่อไปที่วัดทอง Kinkakuji
ออกจากสถานี JR Enmachi Station แล้วให้ข้ามถนนแล้วเดินเลี้ยวขวาตรงไป พอเจอทางแยกให้เดินเลี้ยวซ้าย จะเจอกับป้ายรถเมล์ที่จะขึ้นไปวัดทอง ให้เดินไปรอตรงนั้น จากนั้น รอรถเมล์สาย 207 ไปวัดทอง ลงที่ป้าย Kinkakuji
วัดทอง Kinkakuji
รถเมล์จอดที่ป้าย Kinkakuji-mae ลงที่ป้ายนี้เดินเข้าวัดต่อไปอีกประมาณห้านาที วันนี้ที่มาคนเยอะมากมาย แถมวันนี้ยังโลกกลมเจอกับกลุ่มคนไทยที่บังเอิญเดินเจอกันเมื่อวานอีกด้วย ^^
วัดทอง Kinkakuji
วัดทอง Kinkakuji
ก่อนเข้า ซื้อตั๋วเข้าชมคนละ 600 เยน
วัดทอง Kinkakuji
ได้เข้ามาดูกับตาแล้ว สวยมากจริงๆ เสียดายที่ถ่ายรูปได้ไม่สวยอย่างที่ตาเห็น
วัดทอง Kinkakuji
วัดทอง Kinkakuji
วัดสีทองริมสระน้ำ รายล้อมไปด้วยสวนญี่ปุ่นที่ตกแต่งสวยงาม ขาดไปอย่างนึง ถ้าซากุระบานด้วยคงจะสวยมากขึ้นไปกว่านี้อีก
วัดทอง Kinkakuji
สวยทุกมุมมองเลย
วัดทอง Kinkakuji
วัดทอง Kinkakuji
แวะพักเหนื่อยมายืนแอบดูต้นไม้ เลื้อยแผ่ไปตามแผงไม้
วัดทอง Kinkakuji
ถ่ายจากด้านหลังบ้าง
วัดทอง Kinkakuji
ด้านหลังของวัดทองจะเป็นทางเดินเที่ยวชมสวนญี่ปุ่น และเป็นทางขึ้นมาชมทัศนียภาพมุมสูงได้อีกด้วย
วัดทอง Kinkakuji
ชมหลังคาวัดทองจากมุมสูงทางด้านหลัง
วัดทอง Kinkakuji
เดินลงมาจากสวนด้านหลังวัดทองแล้ว ทางวัดมีบริเวณที่จัดไว้สำหรับการนั่งชิมชาเขียวแท้ๆด้วย
วัดทอง Kinkakuji
1 เซต ราคา 500 เยน มีชาเขียวและขนมแห้งๆ ลักษณะเหมือนขนมโก๋แบบบ้านเรา แต่เค้าแปะแผ่นทองมาให้กินด้วยนะ ^^
พอชิมแล้วอืมมม………..บอกไม่ถูกเลยนะ จะว่าไม่อร่อยก็ไม่ใช่ คือบอกได้คำเดียวว่า ความรู้สึกที่ได้เหมือนเราได้กินมอสที่เค้าปลูกไว้ในสวนที่เราเดินผ่านตะกี๊เลย 555
แต่เดอะแกงค์เราบางคนก็ว่าอร่อยนะ รสชาดฝาด ขม เราพอรับได้ แต่นี่ข้นมากเลย ดื่มเข้าไปมันเหมือนมีเม็ดโคลนสากๆ เข้าไปด้วย เราเลยแปลกใจในรสชาตินิดหน่อย
หลังจากชิมชาเขียวแท้ของวัดทองเรียบร้อยแล้ว เตรียมตัวเดินทางสู่จุดหมายต่อไปนั่นคือ ปราสาทนิโจ (Nijo Castle) จากวัดทองนี้ต้องนั่งรถเมล์สาย 12 ไปลงที่ป้าย Nijo-mae สามารถนั่งจากในวัดเลยหรือจะเดินมาขึ้นที่บริเวณป้ายด้านหน้าวัดก็ได้
แต่พวกเราไม่รู้งาน เดินมาขึ้นที่หน้าวัด จนกลุ่มคนไทยที่เจอกันเมื่อวานลงจากรถเมล์มา ทักว่า อ้าว!! ขึ้นจากในวัดก็ได้เหมือนกันค่ะ ไม่ต้องเดิน ( 555 ขอบคุณค่ะ ไม่ทันละ )
ขึ้นมาบนรถเมล์ก็เจอกับกลุ่มนักท่องเที่ยวไทยอีกกลุ่ม ก็เลยได้คุยแชร์กันเรื่องสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ เพราะต่างคนก็ต่างมาตามชมซากุระเหมือนกับเรา อันไหนไปแล้วเป็นยังไง ซากุระที่ไหนเริ่มบานแล้ว ก็เลยได้แชร์กันยาวไปจนถึงปราสาทนิโจเลย
ปราสาทนิโจ
มาถึงปราสาทนิโจเวลาจวนเจียนใกล้ปิดพอดี รีบซื้อตั๋วรีบเข้าไปเที่ยวดีกว่า ที่ปราสาทนิโจนี้ เราสามารถซื้อตั๋วได้จากตู้กดด้านหน้าได้เลย
ปราสาทนิโจ
เข้ามาแล้วด้านในคนเยอะเช่นเคย
ปราสาทนิโจ
ปราสาทนิโจ เป็นปราสาทสร้างด้วยไม้สนฮิโนกิเกือบทั้งหลัง พื้นไม้ถูกออกแบบให้มีเสียงคล้ายนกไนติงเกลร้องเมื่อเหยียบลงไป ด้านในไม่อนุญาตให้ถ่ายรูป
ปราสาทนิโจ
ถูกใจกับลายแกะสลักบนหลังคามากๆ สวยงาม
ปราสาทนิโจ
ก่อนเดินชม ต้องถอดรองเท้าก่อน
ปราสาทนิโจ
เดินชมปราสาทนิโจด้านในแล้ว ออกมาเดินชมสวนและอุทยานรอบปราสาทบ้าง
ปราสาทนิโจ
เช่นเคยว่า ซากุระยังไม่ค่อยบานให้เห็นเท่าไรนัก
ปราสาทนิโจ
ปราสาทนิโจ
ปราสาทนิโจ
ปราสาทนิโจ
ขึ้นมาชมวิวมุมสูงกันบ้าง
ปราสาทนิโจ
ปราสาทนิโจ
ปราสาทนิโจ
ปราสาทนิโจ
ใกล้จะกลับแล้ว อุตส่าห์ได้เจอซากุระ ^^
Kyoto Tower
จากนั้นนั่งรถมาที่สถานีเกียวโต เตรียมตัวกลับ Shin-Osaka ก่อนกลับถ่ายรูปหอคอยเกียวโตเก็บไว้เป้นที่ระลึกซะหน่อย บ๊ายบาย เกียวโต พรุ่งนี้เราจะย้านที่พักไปโตเกียว และนั่งรถเที่ยวคามาคุระกันต่อจ้าาา
ดูบันทึกการท่องเที่ยวญี่ปุ่น ตามรอยซากุระย้อนหลัง ที่นี่
เที่ยวญี่ปุ่น ซากุระ (1) วางแผนเที่ยวญี่ปุ่น
เที่ยวญี่ปุ่น ซากุระ (2) เที่ยวโอซาก้า ปราสาทโอซาก้า Osaka Aquarium
เที่ยวญี่ปุ่น ซากุระ (3) เที่ยวโอซาก้า วัดชิเทนโนจิ หอคอยซึเทนคะคุ ออนเซน ที่ Spa World
เที่ยวญี่ปุ่น ซากุระ (4) เที่ยวฮิโรชิม่า เกาะมิยาจิม่า ศาลเจ้าลอยน้ำ เมืองเก่าคุราชิกิ
เที่ยวญี่ปุ่น ซากุระ (7) เที่ยวคามาคุระ-โยโกฮาม่า
เที่ยวญี่ปุ่น ซากุระ (9) ชมภูเขาไฟฟูจิ ทะเลสาบคาวากุจิโกะ Kawagujiko Lake เจดีย์แดง Chureito Pagoda
เที่ยวญี่ปุ่น ซากุระ (11) โตเกียวดิสนีย์ซี Tokyo Disney Sea ศาลเจ้าเมอิจิ Meiji Jingu Shrine
เที่ยวญี่ปุ่น ซากุระ (13) วัดอาซากุสะ Sensoji Temple Asakusa ชมซากุระริมฝั่งแม่น้ำซูมิดะ Sumida Park
Travel by deeryarch