ทริปวันนี้ที่จริงแล้วเราต้องไปเที่ยวเคียงจูกัน แต่เนื่องจากเมื่อวานยืนรอรถเมล์กลับสถานีขนส่งโกซองนานไปหน่อย ท่ามกลางอากาศหนาวมากคนในทีมป่วยกันเกินครึ่ง จึงจำเป็นต้องตัดเคียงจูออกไป แล้วตัดสินใจให้ทุกคนได้พักผ่อนกันให้เต็มที่เพื่อรักษาสุขภาพไว้ก่อน วันนี้เลยได้ตื่นสายอย่างเต็มที่ เริ่มออกเที่ยวที่เวลาบ่ายโมง
วันนี้เรามาทานมื้อเที่ยงสุดอร่อยกันที่ร้านนี้ อ่านชื่อร้านไม่ออกแต่เห็นเมนูหน้าร้านมีหลากหลายและน่าสนใจ ลองไปชิมกันดีกว่า
เข้ามาในร้านเจ้าของร้านยังจัดร้านไม่เสร็จดี ขนาดสายมากแล้วนะเนี่ย เจ้าของร้านดูสุภาพและอารมณ์ดีมาก มาถึงเชิญนั่ง ยกชามาเสิร์ฟ ผ้าร้อน เมนูอาหารมีตามภาพที่หน้าร้านเลย พาเจ้าของร้านเค้าไปชี้ๆ หน้าร้านได้เลย สั่งเสร็จแล้วก็นำเครื่องเคียงต่างๆมาเสิร์ฟ ก่อนจะหายตัวไปทำอาหารพักนึง
ไม่นานนักเมนูที่เราสั่งไว้ก็ทยอยมาเสิร์ฟ
ไม่รู้ว่าจริงแล้วเมนูนี้ชื่ออะไร เป็นเนื้อและผักผัดกับน้ำสีน้ำตาลแดง รสชาติออกหวานๆ เมื่อผัดเสร็จแล้วลองชิมดู รสชาติดีมาก เนื้อหอมมากๆ ไม่เหนียวด้วย ทานกับข้าวสวย รสชาติดีเลิศ เอาไป 9/10 เลย ที่หักไป 1 คะแนน เพราะเราไม่ชอบกินหวานนั่นเอง
เมนูนี้ชื่อว่า ซัมเกทัง หรือไก่ตุ๋นโสม อาหารที่ขึ้นชื่อของเกาหลี ก่อนหน้าที่เราจะมาเที่ยวเกาหลีครั้งแรกนั้น มีเพื่อนเราไปเที่ยวเกาหลีกับทัวร์ และได้กินไก่ตุ๋นโสมนี้ เค้าบอกรสชาติแย่มาก มาเกาหลีไม่ต้องสั่งกินหรอก …………เฮ้อออ เราอยากบอกนายว่า ไก่ตุ๋นโสมร้านนี้อร่อยมากนะนาย เราคิดว่าที่เพื่อนบอกว่าไม่อร่อยคงเพราะ อาหารของกรุ๊ปทัวร์ คงต้องทำทีนึงเป็นจำนวนมาก รสชาติอาจจะไม่คงที่เหมือนทำชามต่อชาม
ชิมรสชาติตอนแรก มีรสเค็มอ่อนๆ ค่อนไปทางจืด แต่เจ้าของร้านมาบอกวิธีทานว่า ให้ลองใส่เกลือลงไปอีกนิด พวกเราทำตาม ชิมแล้วมันรสชาติดีจริงๆ ไม่ได้อวยเว่อร์ แต่มันอร่อยเลยล่ะ เราชอบนะ เอาไปเลย 9/10 ที่หัก 1คะแนน เพราะเดี๋ยวเนื้อผัดซอสจะน้อยใจ 😀
เมนูนี้ไม่รู้ชื่ออีกแล้ว แต่เป็นไก่ผัดซอสแดงๆ (น่าจะเป็นโกชูจัง) เมนูนี้มีรสชาติเผ็ดเล็กน้อยปนหวาน อร่อยดีนะ มีมันหวานต้มหั่นเป็นชิ้นด้วย ถือว่าเป็นอาหารอย่างแรกที่เรารู้สึกว่ารสชาติจัดจ้านมากกว่าอาหารเกาหลีทั่วไป น่าจะประมาณผัดพริกแกงบ้านเรา แต่ไม่เผ็ดเท่า เมนูนี้ให้ 9/10 ที่โดนหักไป 1 คะแนน เพราะเราไม่ชอบกินเผ็ดนั่นเอง (โว๊ะ!! แอบเรื่องมาก)
เมนูนี้ชื่อเกาหลีไม่รู้ แต่คือข้าวต้มหอยเป่าฮื้อ รสชาติอร่อยดี เราชอบมากกวาดจนแทบไม่เหลือ เอาไปเลย 10/10
หลังจากกินอิ่มแล้ว เรียกเช็คบิล เราตะโกนเรียกเจ้าของร้านว่า “ออนนี่!!” (แปลว่าพี่สาว) แกขำฮาแตกเสียจริตไปเลย แต่หน้าตาดูชอบอกชอบใจมาก เราเห็นแกหัวเราะก็รู้สึกดีนะ ปกติคงไม่มีใครเรียกแกว่าพี่สาวแน่ๆ แกเลยชอบใจซะขนาดนี้ เพราะแกก็มีอายุแล้วนิดนึงแต่ไม่แก่มาก ก่อนคิดเงินแกก็พูดภาษาเกาหลีอะไรสักอย่าง ได้ยินคำว่า ฮันกึล ซึ่งน่าจะแปลว่าภาษาเกาหลี เราเลยสรุปไปเองว่า พี่สาวเค้าถามเราว่า พูดเกาหลีได้ด้วยเหรอ เราก็เลยบอกแกไปว่า จากึน (แปลว่านิดหน่อย…..อันนี้จำมาจากหนังเรื่อง ฮานะซัง สวยสั่งได้) แกก็ยิ้ม ร้องอ้อๆๆ good……….เฮ้ย!!!! เดาถูกแฮะ นึกว่าจะหน้าแตกซะแล้ว 555
เช็คบิลมาเฉลี่ยแล้วคนละห้าร้อยกว่าบาท ถือว่าราคาสูงนะ แต่สำหรับเรา วัตถุดิบและรสชาติที่เค้าให้มาถือว่าคุ้มมากเลย เป็นการเริ่มต้นวันใหม่ที่แสนอร่อย ^__^
ไม่รู้จะอธิบายตำแหน่งของร้านนี้ยังไงดี เราเดินออกจาก Elysee Motel มุ่งหน้าไปทางห้าง Lotte เดินมาเรื่อยๆ ก็เจอ เลยถ่ายป้ายนี้ไว้เผื่อจะมีประโยชน์ อิอิ
เมื่อกินอิ่ม อร่อยแล้ว โลกก็เริ่มสงบสุข ……… ออกเดินทางเที่ยวต่อดีกว่า เดินไปขึ้นซับเวย์ ไปลงที่ Exit 7 ของสถานีรถไฟใต้ดิน Haeundae
เมื่อถึงสถานีแฮอุนแดแล้ว ระหว่างรอรถเมล์สาย 181 อยู่ แท็กซี่ก็มาพอดี พวกเราก็กระโดดขึ้นเลยแล้วหารกันเช่นเดิม
แท็กซี่มาส่งตรงป้ายหน้าปากทางเข้าวัด ฟ้ากำลังใส แดดกำลังสวยเลย ระหว่างทางเดินเข้าวัดสองฝั่งข้างทางเป็นร้านขายของที่ระลึก ขายอาหาร ราคานักท่องเที่ยวเรียงรายเต็มสองฝั่ง
เมื่อเดินผ่านร้านค้าเข้ามาแล้ว จะเจอกับรูปปั้น 12 นักษัตร
อุ๊ย!! ที่นี่มีรูปปั้นหินปู่สัญลักษณ์ของเกาะเจจูอยู่ด้วย
เจดีย์หน้าประตูทางเดินเข้าตัววัด ฟ้าช่างใสอะไรอย่างนี้
ประตูทางเดินเข้าวัด สีทอง รูปมังกรพันเสา
วัดเฮดงยงกุงซา เป็นวัดที่ตั้งอยู่บนโขดหินริมทะเล มีที่นี่ที่เดียวในเกาหลี
บรรยากาศวัดชายทะเล
มองออกไปไกลสุดลูกหูลูกตา
เณรน้อยมาทำอะไรกันอยู่ใต้ต้นไม้ น่ารักจัง
ภายในโบสถ์ พระท่านกำลังสวดมนต์อยู่
ได้มีโอกาสเข้าไปนั่งในโบสถ์ครู่หนึ่ง ภายในสวยงามมาก ทั้งพระพุทธรูป และตัวโบสถ์
พระสังกัจจายน์ องค์ทองอร่ามข้างโบสถ์
เดินขึ้นมาชมเจ้าแม่กวนอิมด้านบน ก่อนที่ฟ้าจะมืดซะก่อน
ภาพบรรยากาศมุมสูง ก่อนตะวันจะลับฟ้า
เพียงครู่เดียวเท่านั้น ฟ้ามืดลงอย่างรวดเร็ว ได้เวลาบอกลาวัดเฮดงยงกุงซาแห่งนี้ ที่นี่ให้อารมณ์คล้ายวัดเขาตะเกียบที่หัวหินเหมือนกันนะ อยู่ชายทะเล มีเจ้าแม่กวนอิมเหมือนกันด้วย แต่ก็สวยเหมือนๆกัน ทั้งสองที่
จากนั้นเราก็เดินไปรอแท็กซี่ตรงป้ายหน้าวัดเพื่อตรงไปยังจุดต่อไปคือ สะพานกวางกัล Gwangan Bridge (Diamond Bridge) 광안리 해수욕장 และ ชายหาดกวางกัลลิ Gwangalli Beach
เมื่อแท็กซี่ขึ้นสะพานกวางกัล ได้เห็นบรรยากาศเมืองชายทะเลปูซาน ที่มีตึกสูงทันสมัยเปิดไฟอร่ามอยู่ฝั่งซ้าย และชายหาดอยู่ฝั่งขวา สวยงามมากๆ เมื่อรถแล่นเข้าใกล้ตัวสะพาน มองไปข้างหน้าเห็นตัวสะพานตัดกับแสงสุดท้ายของวัน มันสวยมากๆเลย จากภาพนั้นแคปเจอร์จากวิดีโอมา แต่มองด้วยตาเปล่าสวยมากจริงๆ คอนเฟิร์ม!!!!
รถแล่นลงมาจากสะพานกวางกัล สักพักแท็กซี่ก็มาจอดตรงชายหาด เราลงชายหาดเพื่อไปชมวิวสะพานกวางกัล สวยงามมากจริงๆ เสียดายไม่มีขาตั้งกล้องไป หาที่ตั้งกล้องไม่ได้ เลยจัด ISO สูงๆไป ถึงภาพจะดูไม่สมบูรณ์เท่าไร แต่ดีกว่าไม่ได้ภาพกลับมา เสียดายแย่เลย ชอบวิวนี้จัง เป็นหนึ่งในทิวทัศน์ในดวงใจของเราไปแล้ว
ซัมยอคซานชิ้นบาง
ทานกับเครื่องเคียงเหล่านี้
นี่เป็นเมนูแนะนำจากทางร้าน อร่อยดี
จากหาดกวางกัลลิ กลับหลังหันเดินข้ามถนนมา จะเจอกับร้านซัมยอคซาน 345 เราเคยทานหมูสามชั้นย่างที่อื่นๆมา ส่วนใหญ่จะหั่นเป็นชิ้นใหญ่ๆ แล้วให้เรามาตัดเอง แต่ที่นี่ทำเป็นชิ้นบางๆม้วนกลมๆไว้ พอเอามาย่างรสชาติทีได้มันช่างแตกต่างซะจริง มันรู้สึกเข้าถึงรสมากกว่าหมูสามชั้นย่างชิ้นใหญ่ๆ อร่อยอะ ชอบมากๆ Love เลย แถมร้านยังบรรยากาศดีอีก นั่งทานหมูสามชั้นไป ดูวิวสะพานไป ครบๆจริงๆ
วันนี้เป็นวันสุดท้ายของการเที่ยวปูซานแล้ว พรุ่งนี้เราจะเหิรฟ้าไปเกาะเจจูกัน สำหรับการเที่ยวปูซานครั้งนี้ ประทับใจมาก ตั้งแต่ที่พัก ที่ท่องเที่ยว ผู้คน อาหาร แทบจะดีไปหมดทุกอย่าง Happy Busan จริงๆ