Journey to the Iceland Ep.5 Dyrholaey Peninsula, Reynisdrangar Sea Stacks

เมื่อวานหลังจากเที่ยวน้ำตกทั้งสามแห่ง ได้แก่ น้ำตก Gullfoss, น้ำตก Seljalandsfoss และน้ำตก Skogafoss พวกเราก็เดินทางตามถนน Ring Road มาแวะพักค้างคืนกันที่เมือง Vik

รีวิวเที่ยวไอซ์แลนด์ >> Journey to the Iceland Ep.4 Gullfoss, Seljalandsfoss, Skogafoss
รีวิวที่พักไอซ์แลนด์ ที่พักเมือง Vik >> Kosy Vik Guesthouse ที่พักอบอุ่นในเมือง Vik

หลังจากเช็คอินที่พักเรียบร้อยแล้ว เราก็มาหุงหาอาหารกันที่บริเวณที่จอดรถหน้าที่พัก ก็กะว่าเย็นนี้จะตั้งโต๊ะและนั่งกินข้าวด้านนอกที่พัก กลิ่นครัวไทยจะได้ไม่รบกวนคนอื่น เราเป็นมือหุงข้าวมือวางอันดับ 1 นั่งหุงข้าวอยู่ในรถ แต่เชฟทำกับข้าวอีก 2 คนกำลังจะตั้งโต๊ะเพื่อประกอบอาหาร แต่!! ลืมคิดถึงปัจจัยสำคัญไปเลยว่า ลมแรงมว๊ากกกกก!!! พอกางโต๊ะเท่านั้นล่ะพี่เอ้ยยย….โต๊ะบินลอยไปตามลมต้องวิ่งตามไปเก็บโต๊ะอีกจ้าาาา ฮ่าาาๆๆๆๆๆ 😀

เวลา 11 โมงเช้า พระอาทิตย์เริ่มส่องแสง พวกเราเช็คเอาท์ และเริ่มออกเดินทางกัน

จากที่พักขับรถมาไม่กี่นาทีก็มาถึงที่เที่ยวที่แรกของวันนี้ นั่นคือ ชายหาดสีดำ Reynisdrangar

Reynisdrangar Sea Stacks

GPS: 63.403120, -19.042155

Reynisdrangar หน้าผาหินบะซอลต์และชายหาดหินสีดำสวยแปลกตา ตั้งอยู่ภายใต้ภูเขา Reynisfjall ในปี 1991 ชายหาด Reynisdrangar นี้ เคยถูกจัดอยู่ใน 1 ใน 10 ของชายหาดที่ไม่ได้อยู่ในเขตร้อน และมีความสวยงามระดับโลก นอกจากนั้นยังเป็น Location ถ่ายทำซีรีย์ Game of Thrones ด้วย

แนวหินบะซอลต์ที่หน้าผา สวยดั่งประติมากรรมชิ้นเอกจากสวรรค์ หิน basalt เหล่านี้ เกิดจากการเย็นตัวของลาวา เกิดเป็นแท่งหินรูปร่างเหลี่ยมๆ เป็นแท่งเสา บ้างก็ดูเหมือนรังผึ้ง

นอกจากหินบะซอลต์รูปแท่งเสาแล้ว ยังมีลักษณะเป็นรอยแยกเล็กๆ ให้เห็นได้ตามชายหาดด้วย

บริเวณชายหาดยังมีโพรงถ้ำหินบะซอลต์ด้วย ซึ่งเราเข้าไปหลบลมหลบละอองฝนอยู่แป๊บนึง

เดินผ่านโพรงถ้ำไป จะพบกับแท่งหินตั้งตระหง่านอยู่ในทะเล มีตำนานเล่าขานกันว่าเป็นตัวโทรล ที่ถูกสาปให้เป็นหินในทะเลนั้น

หินกลมมน สีดำ ที่ถูกพัดพามาสะสมทั่วชายหาด

บริเวณหน้าผา มีฝูงนกพัฟฟิน (Puffin) มาทำรังอาศัยอยู่ด้วย

คลื่นทะเลที่ชายหาดมีความรุนแรงอย่างไม่น่าเชื่อ เรายืนสังเกตว่าคลื่นซัดมาประมาณไหนก่อนที่จะเดินเข้าไปถ่ายรูปที่ชายหาด เราเดินไปยังไม่เกินรอยคลื่นรอยเก่าที่ซัดมา แต่พอดีว่าเป็นคนโชคดีจัด คลื่นที่ซัดมาคราวนี้ใหญ่กว่าเดิน ซัดเราซะล้มตึง เรานึกได้แค่ว่าชูกล้องให้สูงไว้ก่อน จนเพื่อนรีบวิ่งเข้ามาช่วยพร้อมตะโกนว่า ลุกขึ้นๆ

ตัวเปียกไม่เท่าไรเพราะใส่ชุดกันน้ำ แต่รองเท้าเปียกเป็นความซวยอย่างใหญ่หลวง อุตส่าห์ซื้อรองเท้ากันหนาวบุนวมข้อสูงแต่ คลื่นแมร่งงงสูงกว่า… ดีที่ว่าพกรองเท้าผ้าใบเล็กๆ มาด้วยอีกคู่ เอารองเท้าที่เปียกไปเช็ดและไปวางตากฮีทเตอร์ในรถ ตากไปสองสามวันสรุปว่าฮีทเตอร์ไม่ได้ช่วยให้รองเท้าแห้งได้ แถมกาวรองเท้ายังเยิ้มอีกด้วย แง……

หลังจากวิ่งแจ้นมาเปลี่ยนชุดที่รถเรียบร้อย พร้อมเดินทางสู่ที่เที่ยวที่ต่อไป…

Arnardrangur “Eagle Rock”

GPS: 63.403795, -19.103857

Arnardrangur “Eagle Rock” หรือหินรูปเหยี่ยว ตั้งอยู่ท่ามกลางอ่าวบนชายหาดทรายสีดำ

Dyrholaey Peninsula

GPS: 63.403186, -19.129482

Dyrholaey Arch ซุ้มหินขนาดใหญ่เบ้อเร่อ ที่เกิดจากการกัดเซาะของน้ำทะเลนานนับศตวรรษ ไปเจอกับตาตัวเองซุ้มหินนี้มีขนาดใหญ่มากกกจริงๆ ในสมัยก่อนมีนักบินบ้าระห่ำเคยขับเครื่องบินลอดผ่านช่องหินนี้ อีกทั้งยังเคยมีเรือแล่นผ่านช่องหินนี้ด้วย บนซุ้มหิน Dyrholaey นี้มีทางเดินไปถึงสุดปลายแหลมด้านบนได้ แต่เราไม่ได้เดินไป เพราะฝนตกและลมแรงมาก

Dyrholaey Lighthouse

GPS: 63.402741, -19.130899

Dyrholaey Lighthouse ด้านบนคาบสมุทร Dyrholaey มีประภาคารเก่าแก่ที่สวยงาม หอคอยประภาคารทำด้วยคอนกรีตสีขาว

ทางด้านตะวันตกของ Dyrholaey แวะพักสูดหายใจให้เต็มปอด เต็มอิ่มกับวิวชายฝั่งสีดำยาวสุดลูกหูลูกตา

ครบถ้วนเต็มอิ่มกับวิวสวยอลังการของเมือง Vik จากนั้นแวะเติมน้ำมัน เติมสเบียงกันจนเรียบร้อย เสร็จแล้วไปมุ่งหน้าไป Skaftafell Campground ซึ่งจะเป็นที่พักของพวกเราในคืนนี้ที่ เพื่อที่ว่าพรุ่งนี้จะได้เที่ยว Skaftafell & Svartifoss Waterfall กันต่อเลย ฉะนั้นเจอกันพรุ่งนี้ตอนสายๆ บ๊ายบายจ้าาา…