ต่อจากตอนที่แล้ว Seoul Station เรือนจำโซแดมุน หลังจากเที่ยวชมเรือนจำเสร็จแล้ว พวกเรามาหาข้าวเที่ยงทานกันที่ อินซาดง เนื่องจากเมื่อครั้งที่มาเที่ยวเกาหลี ปี 2011 เราได้มาทานซุปกิมจิแบบได้ฟิลที่แตกต่าง คือ ซุปกิมจิใส่ปลาแมคเคอเรลตัวใหญ่ๆ ซึ่งรสชาติอร่อยมาก ตราตรึง จนต้องมาเดินหาร้านที่ อินซาดง อีกครั้งเพื่อที่จะกินให้ได้
แต่เดินหาเท่าไรก็ไม่เจอร้านที่เคยคุ้นตาเลย ก็คือจำตำแหน่งร้านไม่ได้นั่นเอง จำได้แค่ว่าเป็นร้านสวยๆ หน่อย โต๊ะเก้าอี้สีดำ เดินลงบันไดไปชั้นล่าง สรุปเป็นอันว่าต้องกินร้านอื่นแทน สุดท้ายก็มาที่ซอยนี้ มาโดนร้านที่มีป้ายตั้งอยู่หน้าสุดนี่แทน รสชาติก็โอเค ราคาก็เรทนักท่องเที่ยวทั่วไป
หลังจากทานอาหารเสร็จแล้ว คนหนึ่งแยกย้ายกลับที่พักไปเนื่องจากไม่ค่อยสบาย จึงเหลือแค่สามสาว ไปเดินย่ำเท้าเที่ยวโซลต่อไป 😀
ที่ต่อไปเรามาเที่ยวชมวิวแม่น้ำฮันกันที่บนสะพาน hangang bridge การเดินทางเรานั่งรถไฟสาย 9 ลงสถานีใกล้ๆกับ ตลาดปลานอร์ยางจิน ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นสถานี Nodeul สายนี้ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นรถไฟสายใหม่เลย เพราะทุกอย่างดูใหม่มากกก
เดินจากซับเวย์สาย 9 มาเรื่อยๆ ใช้เวลาประมาณ 5 นาที ข้ามถนนมาก็ถึงสะพาน hangang bridge แล้ว บนสะพานนี้มีทางเท้าอันกว้างขวางให้เดินได้ อากาศหนาวๆแบบนี้ เราก็ยังเห็นมีคนเดินสัญจรอยู่บนสะพาน เดินข้ามฝั่งกันเรื่อยๆ แต่ไม่มากนัก
จากบนสะพานนี้มองไปจะเห็นตึก 63 building หรือที่คนไทยเรียกกันว่า ตึกทอง หรือตึกหกสาม เป็นตึกสีทองอร่ามสูง 63 ชั้น ซึ่งเป็นตึกที่สูงที่สุดในเกาหลีด้วย ภายในยังมี พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้ง พิพิธภัณฑ์ศิลปะ จุดชมวิวที่ชั้นบนสุด รวมถึงมีโรงภาพยนตร์ I-Max ด้วย
ทิวทัศน์ริมฝั่งและตึก 63 building
ซูมเข้าไปให้เห็นตึก 63 building ใกล้ๆขึ้นอีกหน่อย เมื่อมองผสมกับแดดยามบ่ายอ่อนๆ เป็นสีทองจริงๆ ด้วยแฮะ
หลังจากชมวิวแล้ว มาโพสท่ากระโดดโลดเต้นกันบนสะพานสักหน่อย……………….ฮูเร่!!! ฟรีด้อมมากเลยค่าาาา
ขอโพสด้วยคนนะคะ จะเอากลับไปให้คนที่บ้านดูค่ะ ว่ามาถึงแล้วจริงๆ 😀 555
เดินกันมาจนสุดอีกฝั่งของสะพาน hangang bridge แล้ว กว่าจะมาถึงฝั่งได้รู้สึกไกลจริงจังเลยนะนี่ บวกกับการเดินท่ามกลางอากาศ -12 องศาของช่วงบ่าย พร้อมลมแรงๆ มันทรมานมากเลย มีสเตปหลอกให้เราดีใจด้วยว่ามาถึงแล้ว แต่จริงๆ ไม่ใช่มันแค่ถึงเกาะกลางแม่น้ำฮันเท่านั้นเอง ฮ่าๆๆ
หันไปมองวิวตึก 63 building จากอีกฝั่งหนึ่ง
จากนั้นเราจะมาเดินเล่นถ่ายรูปกันที่ Gwanghwamun Square กังฮวามุน สแควร์ ซึ่งผ่าน คลองชองเกชอน ด้วย พวกเราจึงหยุดชักชวนให้เดอะแกงค์คนหนึ่งซึ่งยังไม่เคยมา ได้มาเที่ยวชม คลองชองเกชอน ก่อนไปเดิน กังฮวามุน สแควร์
ประติมากรรมหอยสูงชะลูด สัญลักษณ์ของคลองชองเกซอน
สายน้ำจากร่องน้อยๆ ของประติมากรรมหอย
บังเอิญว่าที่บริเวณคลองชองเกชอน มีบู๊ทงานประชาสัมพันธ์งาน Expo อยู่ด้วย พ่อหนุ่มเสื้อน้ำเงินในรูปก็มาเชิญชวนให้เราเข้าไปร่วมสนุกในบู๊ท เพื่อแลกของรางวัล โดยให้เขียนความประทับใจที่มีต่องาน Expo นี้ แล้วจะได้รับ Hot Pad และได้ถ่ายรูปกับมาสคอตงาน วิญญาณเซเล็ปก็เข้าสิงทันที ชวนไปไหนก็ไป ทำอะไรก็ทำ พนักงานยื่นกระดาษกับปากกาให้ ก็เขียนคำชมเชย ไทยคำ อังกฤษคำ ลงไป เดี๋ยวเค้าไม่รู้ว่ามาจากเมืองไทย
เขียนคำชมติดบอร์ดเสร็จแล้ว ก้เดินตามพนักงานมาเพื่อถ่ายรูปเป็นที่ระลึก โดยใช้กล้องโพลารอยด์ คิดไปก็ขำๆดีนะ งานอะไรก็ไม่รู้จัก คิดซะว่าเค้าเชิญเราไปเป็น เศษเล็บ (Celeb) ในงานแล้วกันนะ ฮ่าๆๆ
มัวแต่เถลไถลไปเป็บเศษเล็บอยู่ที่คลองชองเกชอน กว่าจะมาถึง gwanghwamun square ฟ้าก็เริ่มมืดแล้ว
อนุสาวรีย์พระเจ้าเซจง
ประตูกวางฮวามุน ประตูเมืองทางด้านทิศเหนือ เป็นทางเข้าสู่ พระราชวังเคียงบก และที่นี่ใช้แสดง พิธีเปลี่ยนเวรยาม ของทหารราชองครักษ์ด้วย
สีสันบรรยากาศเมืองยามเย็นที่ gwanghwamun square
พรุ่งนี้ต้องขึ้นเครื่องกลับไทยแล้ว ยังเหลืออีกหนึ่งภารกิจคือ ซื้อของฝาก ซึ่งก็ไม่พ้นสาวๆ ทั้งหลายฝากซื้อ เครื่องสำอางค์เกาหลี กันมาเพียบ เราจึงได้เข้าหลายร้าน ตั้งแต่ Etude, Skin Food, Tony Moly มากมายหลายกระบุง
มาเกาหลีแล้ว นอกจากของฝากเครื่องสำอางค์แล้ว สิ่งที่ขาดไม่ได้อีกนั่นคือ ของฝากจากศิลปินในดวงใจ หลังจากช้อปเครื่องสำอางค์เสร็จแล้ว เราจึงมาตามหาของฝากกันที่ Spao เมื่อขึ้นมาที่ Everysing ชั้นบน เจอกับมาดามทิฟฟานี่อีกแล้ว นี่น้องทิฟยืนอยู่ที่นี่มาปีนึงแล้ว ไม่ไปไหนเลยหรือ??
หลังจากตามล่าของฝากจนครบหมดแล้ว อันตัวเราชอบกินชีสสติ๊กของ Loteria มากๆ มาแวะซื้อ รอคิว บัตรรอคิวเค้าเก๋มากเลย เมื่ออาหารเสร็จแล้วมันจะสั่น มีไฟกระพริบ เพื่อบอกว่า อาหารได้แล้วจ้า ไปรับได้เลย
หลังจากนั้นเราก็มาหาซัมยอคซานแถวๆ เมียงดงกิน กินเข้าไปแล้วคิดถึง ซัมยอคซาน ร้่าน 345 ที่ปูซานมากๆเลย กินที่เมียงดงไม่อร่อยเท่าเลยนะ แพงกว่าอีกต่างหาก คิดถึงเธอจัง ซัมยอคซาน ร้าน 345 (Y_Y)
เสร็จสรรพภารกิจเที่ยวเกาหลีครั้งที่สองเป็นที่เรียบร้อย มาเกาหลีครั้งนี้สนุกมากเลย ได้ท่องเที่ยวต่างจังหวัดมากมาย ได้ประสบการณ์และความตื่นเต้นมากมายหลายอารมณ์ ทั้งสนุก ประทับใจ มีความสุข อร่อย กลัวตกรถ กลัวไม่ได้กลับ ฟังไม่ภาษาเกาหลีรู้เรื่อง โมโหโชเฟอร์รถเมล์ ขับรถผิดเลน และอื่นๆ อีกมากมาย ที่หาไม่ได้ที่เมืองไทย………พรุ่งนี้ต้องกลับบ้านเราแล้วนะ บ๊าย บาย เกาหลีใต้ 😀
Travel by deeryarch
ดูบันทึกการท่องเที่ยวเกาหลี รอบสอง ย้อนหลังได้ที่นี่
เที่ยวเกาหลี รอบสอง ตอนที่1 วางแผนเที่ยว
เที่ยวเกาหลี รอบสอง ตอนที่2 สวัสดีปูซาน
เที่ยวเกาหลี รอบสอง ตอนที่3 ตามรอยไดโนเสาร์ Goseong Sangjogam Park
เที่ยวเกาหลี รอบสอง ตอนที่4 วัดเฮดงยงกุงซา สะพานกวางกัล(Diamond Bridge) ชายหาดกวางกัลลิ
เที่ยวเกาหลี รอบสอง ตอนที่7 พิพิธภัณฑ์หน้ากากอันดง หมู่บ้านฮาฮเว Lotte World
เที่ยวเกาหลี รอบสอง ตอนที่8 Phoenix Park Ski Resort ตกปลาน้ำแข็งอินเจ Inje Ice Fishing Festival
เที่ยวเกาหลี รอบสอง ตอนที่9 เที่ยวโซล(1) Seoul Station เรือนจำโซแดมุน Seodaemun Prison